มหาวิทยาลัย University of Sydney เตรียมลดรับจำนวนนักศึกษาลงเพื่อที่จะให้ทางสถาบันนั้นได้กลายมาเป็นสถาบันการค้นคว้าและวิจัยชั้นนำของโลก
รองอธิบดีของมหาวิทยาลัย ดร Michael Spence ได้ออกมาเปิดเผยว่า การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญทของทางสถาบันนั้นมีความจำเป็นอย่างมาก และการรับจำนวนนักศึกษาทั้งเต็มเวลาและนักศึกษาที่เรียนแบบ part time ทั้งหมด 48,000 คนในแต่ละปีก็ต้องถูกนำมาพิจารณาว่ามากเกินต่อการเรียนการสอนหรือไม่
#news#
มหาวิทยาลัย University of Sydney เองนั้นต้องการที่จะเปลี่ยนโฉมสถาบันให้กลายมาเป็นสถาบันวิจัยระดับแนวหน้า ซึ่งจะกลายเป็นที่ดึงดูดของนักวิจัยชั้นนำทั่วโลก และยังเป็นการสนับสนุนนักเรียนนักศึกษาที่มีความสามารถไม่ว่าจะมาจากประเทศใดก็ตามอีกด้วย
ดร Michael กล่าวต่อไปว่าในตอนนี้ทางสถาบันได้มองหาทางเลือกในการเปลี่ยนแปลงปรับปรุงโครงสร้างของมหาวิทยาลัย หลักสูตร การบริหารฝ่ายทะเบียนและการคัดเลือกนักเรียนเข้ามาศึกษาในสถาบัน และอาจจะต้องมีการตัดจำนวนนักศึกษาลงไป 10%
สถาบันวิจัยชั้นนำของโลกไม่ว่าจะเป็นจาก Harvard, Cambridge, Yale หรือ Oxford ก็ล้วนแต่รับนักศึกษาเข้าเรียนที่จำนวนระหว่าง 10,000 และ 20,000 คนเท่านั้น ยกเว้นแต่มหาวิทลัยที่เน้นไปในด้านการวิจัยในทวีปอเมริกาเหนือเช่นที่ Toronto Michigan และที่ University of California มีจำนวนักศึกษาพอๆกับของมหาวิทยาลัย University of SYdney
มหาวิทยาลัย University of Sydney ได้เติบโตขึ้นมาอย่างรวดเร็วในระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมาอันเป็นผลมาจากตลาดการศึกษานานาชาติและการเปลี่ยนแปลงปฎิรูปทางการศึกษา Dawkins Reform จึงทำให้จำนวนนักศึกษาเพิ่มมากขึ้นมา 30% ตั้งแต่ปี 1999
ดร Michael กล่าวต่อไปว่าประเทศออสเตรเลียมีความจำเป็นที่จะต้องมีสถาบันที่เป็นแหล่งปลูกฝังนักคิดวิเคราะห์ และให้กลายมาเป็นประเทศสร้างวัฒนธรรมคนเก่งกล้า และที่ผ่านมาทางมหาวิทยาลัยยังไม่มีเป้าหมายที่แน่ชัดนักและ วัตถุประสงค์ของมหาลัยในครั้งนี้จะทำให้ทางสถาบันมีเป้าหมายที่แน่นอนขึ้นอีกครั้ง
