The Organisation of Petroleum Exporting Countries (OPEC) ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศที่จัดส่งน้ำมันกว่า 40% ของน้ำมันทั้งหมด ได้ออกมาประกาศนโยบายลดจำนวนการจัดส่งน้ำมันภายใต้มาตรการในการเพิ่มราคาน้ำมันหลังจากที่ราคาตกลงมาเนื่องจากความต้องการน้ำมันนั้นมีน้อยลง
กลุ่มองค์กร OPEC ได้เข้าประชุมหารือเมื่อวันพุธที่แล้วที่ผ่านมาที่เมือท่าของ Oran ในประเทศอัลจีเรียซึ่งหลายฝ่ายต่างออกมาคาดการณ์ว่าทาง OPEC นั้นจะทำการประกาศลดจำนวนการผลิตลง เป็นครั้งที่ 3 ตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมา
บริษัทที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจจาก Capital Economics, Julian Jessop ได้ออกมาทำนายว่าทางกลุ่มประเทศผู้ค้าน้ำมันนั้นอาจจะลดจำนวนการผลิตอย่างน้อยๆ 2 ล้านบาร์เรล
นักพยากรณ์ทางเศรษฐกิจได้ออกมาทำนายจำนวนการลิตที่น่าจะลดลงที่จำนวนระหว่าง 1-2 ล้านบาร์เรลจากจำนวนผลิตในแต่ละวันที่ 27.3 ล้านบาร์เรลโดยในจำนวนนี้นั้นไม่รวมประเทศอิรักเข้าไป
Julian กล่าวต่อไปว่า OPEC นั้นไม่ได้วางแผนที่จะดึงราคาน้ำมันให้สูงขึ้นแต่อย่างใด แต่การลดจำนวนการผลิตลงมาในครั้งนี้เหมือนที่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในปี 2001-2002 ในช่วงที่สภาวะเศรษฐกิจโลกนั้นไม่ค่อยจะดีนัก แต่ราคาน้ำมันนั้นไม่ได้ดีดตัวขึ้นสูงจนกระทั่งในปี 2004 หลังจากที่เศรษฐกิจโลกนั้นเริ่มเจริญเติบโตขึ้นเรื่อยๆซึ่งคิดเป็น 5%
นอกจากนี้ถึงแม้ว่าราคาน้ำมันจะตกลงมาเรื่อยๆนั้นถึงแม้ว่า OPEC จะออกมาประกาศตัดจำนวนการผลิตในระยะเวลาสองเดือนที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่า OPEC เองก็ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ ปริมาณความต้องการของน้ำมันที่ลดน้อยลงไปอย่างรวดเร็วอีกด้วย
ความสามารถในการควบคุมปริมาณน้ำมันในตลาดของ OPEC นั้นยังขึ้นอยู่กับความสามรถขององค์กรเองในการชักชวนให้ประเทศผู้ค้าน้ำมันที่ไม่ได้เป็นสมาชิกของ OPEC นั้นไม่ว่าจะเป็น รัสเซีย เม็กซิโก และนอร์เวย์ ให้ลดจำนวนการผลิตน้ำมันลงอีกด้วย
สมาชิก OPEC และกลุ่มประเทศอื่นๆที่ผลิตน้ำมันนั้นทำรายได้ๆลดลงหลังจากราคาน้ำมันนั้นตกลงมาอย่างมากตั้งแต่ในเดือนกรกฎาคมแล้ว ราคาน้ำมันเริ่มต้นในปี 2008 สูงมากขึ้นเรื่อยๆไปจนถึงที่ราคา 100 เหรียญต่อบาร์เรลเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์เนื่องจากความต้องการน้ำมันในประเทศจีนนั้นมีสูงมากและเนื่องจากหลายฝ่ายออกมากังวลว่าแหล่งผลิตน้ำมันในอิหร่านนั้นอาจประสบปัญหาในการผลิตขึ้น