
หลังจากที่จำนวนชาวต่างชาติที่เข้ามาตั้งรกรากในรัฐ New South Wales ลดลงเป็นเวลาตลอดเวลา 10 ปีที่ผ่านมาบวกกับการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ช้ากว่ารัฐใดๆเพื่อน ทำให้ Melbourne อาจกลายมาเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดเอาชนะ Sydney ของประเทศออสเตรเลียได้
จากการรายภายใต้ชื่อ Going Nowhere ซึ่งถูกจัดทำโดยบริษัทเชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์ BIS Shrapnel ให้แก่กลุ่มลอบบี้นักพัฒนาที่ดิน กล่าวไว้ว่าภาษีที่ดินใน Melbourne นั้นมีราคาถูกกว่าใน Sydney และทำให้การก่อสร้างที่อยู่อาศัยใน Melbourne มีความรวดเร็วขึ้นเป็น 2 เท่าซึ่งทำให้จำนวนประชากรมีมากขึ้นและความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของรัฐ Victoria เองก็สูงขึ้นตามมา จะทำให้ Melbourne กลายมาเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศภายในปี 2037
#news#
ส่วนจำนวนของผู้ที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานในรัฐ NSW นั้นลดลงมาอยู่ที่ 42% จากเมื่อสิบปีที่แล้วมาอยู่ที่ 30% เนื่องมาจากปัจจัยการเปลี่ยนแปลงต่างๆไม่ว่าจะเป็นตลาดที่อยู่อาศัยซึ่งปรัตัวสูงขึ้นเป็นอย่างมากหลังจากที่ Sydney เป็นเจ้าภาพการจัดการแข่งขันกีฬา Olympics
หัวหน้าผู้บริหาร Taskforce, Aaron Gadiel กล่าวว่าในรายงานฉบับดังกล่าวนั้น แสดงให้เห็นว่า Sydney มีความเป็นสากลในแง่ของเมืองแห่งหนึ่งของโลกลดลง และอัตรการเจริญเติบโตของจำนวนประชากรจะมีแนวโน้มที่จะลดลงไปอีกจาก 1.1% ไปเป็น 0.9% ซึ่งต่ำกว่าคำทำนายของ Melbourne ซึ่งจะมีอัตราการเจริญเติบโตอยู่ที่ 1.3%
อย่างไรก็ตามหลังจากที่ทาง NSW Department of Planning ได้ทำการอัพเดทคำทำนายการเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากรใน Sydney ไปเป็น 6 ล้านคนภายในปี 2036 แต่ Aaron กลับออกมาแสดงความเห็นว่าจำนวนประชาชนจะไม่เพิ่มขึ้นไปสูงถึงขนาดนั้นโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงในการสร้างอาคารบ้านเรือนที่อยู่อาศัยอย่างแน่นอน