นักเขียนจากสหประชาชาติด้านการอพยพย้ายถิ่นฐานและการพัฒนา ได้จัดอันดับให้ประเทศออสเตรเลียเป็นประเทศที่มีคุณภาพชีวิตดีเป็นอันดับที่สองของโลกรองลงมาจากนอร์เวย์
ในราย Human Development Report 2009 ขององค์กรสหประชาชาติ ออสเตรเลียได้อยู่ในอันดับที่ 2 จากประเทศทั้งหมด 182 ในอันดับของคุณภาพชีวิตโดยดูจากระยะเวลาความยาวของช่วงชีวิตของประชากร จำนวนเด็กที่รับการศึกษา และรายได้ของประชาชน
ประเทศสหรัฐอเมริกาตกอันดับมาอยู่ที่ 13 ส่วนในประเทศอังกฤษอยู่ในอันดับที่ 21 ส่วนไนเจอร์นั้นอยู่ในอันดับสุดท้ายตามมาด้วยอัฟกานิสถานและเซียร่าลีโอนี่ ผู้เขียน ดร Jeni Klugman กล่าวว่าอันดับที่ได้มีเรียบเรียงนั้นได้มีการทำขึ้นก่อนที่สภาวะเศรษฐกิจโลกจะเกิดขึ้น ส่วนในปีต่อไปนั้นประเทศใดจะได้มาอยู่ในอันดับต้นๆต้องติดตามต่อไป
ในประเทศออสเตรเลีย ช่วงชีวิตของประชาชนนั้นนานขึ้นในภายในระยะเวลาสามเดือนที่มีการสำรวจ ส่วนรายได้เพิ่มขึ้นมา 4% เมื่อปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม ดร Jeni กล่าวว่าอันดับของประเทศไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความเท่าเทียมในประเทศหรือความนิยมของการโยกย้ายถื่นฐานของชาวต่างชาติในการเข้ามาทำมาหากินและอยู่อาศัย
#news#
การจัดอันดับที่กล่าวมานี้ได้ทำการสำรวจการพัฒนาของแต่ละประเทศ ซึ่งการโยกย้ายถิ่นฐานของประชาชนจากประเทศหนึ่งไปยังอีกแห่งยังเป็นผลที่ตามมาที่แสดงให้เห็นในอันดับต่างๆเช่นกัน เช่นในทวีปยุโรป มีชาวแอฟริกันย้ายไปตั้งถิ่นฐานน้อยกว่า 1% ในขณะที่จำนวนของการโยกย้ายถิ่นฐานระหว่างประเทศที่กำลังพัฒนาไปยังประเทศที่พัฒนาแล้วมีมากกว่า 1 ใน 3
ในรายงานยังได้กล่าวไว้ด้วยว่าการเดินทางไปยังประเทศที่พัฒนาแล้วเพื่อหาโอกาสทางด้านการเงิน การศึกษาและ สุขภาพและเพื่ออนาคตของลูกหลานตนเอง และการเปลี่ยนแปลงที่อยู่อาศัยของชาวต่างชาติมายังอีกประเทศไม่ได้ทำให้เกิดความเสียหาย และมีแต่จะทำให้เศรษฐกิจของประเทศนั้นๆดีขึ้นโดยไม่มีผลกระทบต่อประชาชนของประเทศเจ้าของ
อย่างไรก็ตามในประเทศที่ชาวต่างชาติเข้ามากลายเป็นปัญหาเช่นไม่มีงานบ้าง อาจทำให้เกิดอัตราของการเกิดอาชญกากรรมมากขึ้นตามมา ดร Jeni อธิบายต่อไปว่าการโยกย้ายถิ่ฐานระหว่างประเทศเป็นเหตุการณ์ปรกติ และไม่มีความจำเป็นที่ต้องเป็นกังวล ดังจะเห็นได้จากในอดีตเมื่อ 50 ปีที่ผ่านมาอัตรการโยกย้ายถิ่นฐานของประชากรโลกยังคงอยู่ที่ 3% คงที่มาเสมอ
