2024-05-17

Talon Melbourne เมืองแห่งศิลปะ (1)




2009_01_05_01.jpgหลังจากเก็บกระเป๋าเตรียมตัวตั้งแต่ไก่โห่ ลางานตั้งแต่ต้นเดือน เตรียมลั่น ล้า ไปเฮกันที่ Melbourne แต่ที่ไหนได้ กลับหนีเสือปะจระเข้ซะงั้น เพราะว่ามีงาน Thai Culture & Food Festival 2008 เตรียมไว้รอแล้ว เพราะต้องไปออกร้านขายของซะงั้น ไม่เป็นไร เอาน่า ไหน ไหน ก็ไหน ไหน where where is where where ไม่รู้ว่าจะใช้ภาษาเค้าผิดเพี้ยนไปถึงไหน เฮ้อ !!! กลุ้ม เพื่อนร่วมทริปครั้งนี้ได้แก่ พี่เก่ง สุดแสนจะน่ารักจากร้าน แซบไทย ส่งเข้าประกวด พร้อมทั้งคุณพ่อ ซึ่งเราเอาไปใช้แรงงาน และน้องโอ๊ค สุดแสบ แก่นแก้ว หาที่เปรียบมิได้ ทริปนี้ออกแนวหฤโหดเล็กน้อยเนื่องจากสัมภาระของเราทั้ง 4 ร่วม สิบใบ กว่า 120 กิโลกรัม เกรงว่าทาง Qantas เค้าจะเขม่นเอา แต่ว่าก็ผ่านไปด้วยดี Happy กันถ้วนหน้า กว่าจะ check in เข้าไปก็ลองจิ้มนู่น จิ้มนี่ อยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์กัน 4 คน มั่วมั้ง ถูกมั้ง กว่าจะได้เล่นเอาหอบเหมือนกัน ในที่สุดก็ได้เวลามันส์แล้ว

ขึ้นเครื่องอันแสนทันสมัยพร้อมท่าจอดเครื่องบินส่วนตัว รับประกันความสะดวกสบายที่ Qantas รับประกันถึงปลายทางปลอดภัยภายใน1 ชั่วโมงครึ่ง ถึงแม้จะใช้เวลาอันน้อยนิดแต่ทาง Qantas ก็ยังมีอาหารเช้าให้ทาน ขนมปัง cornflake นม น้ำส้ม ผลไม้ มาให้ทานรองท้องก่อนไปผจญภัยในต่างแดน พอเครื่องลงถึง Melbourne สิ่งที่จะต้องทำเป็นอย่างแรกคือไปหาที่พักก่อน ต้องไปโบก Taxi ก่อน หากคนขับเห็นข้าวของ ร้อยแปดพันประการของพวกเราแล้วเห็นต้อง bye ก่อนแน่ แต่เลือกไม่ได้ ที่ Melbourne มีแบบเป็นรถตู้ด้วย ราคาเท่ากันแต่จุเยอะกว่ามากกกก ขอบอกเลยจัดการอัดซะเต็มที่ แน่นเอี๊ยดทั้งคัน เพียงแค่สิบนาทีจากสนามบิน Tullamarine ก็ถึงบ้านพี่วิน และพี่นา ผู้น่ารักและแสนใจดี ที่สำคัญ ที่พักฟรี 4 คน 2 คืน สบายแฮ

พอย่างกรายมาถึงบ้านพี่แล้ว เหมือนมาเที่ยวเชียงใหม่ เพราะแกตกแต่งบ้านออกแนวล้านนา หรือเป็นเพราะว่าพี่วินแกเป็นคนพม่าก็อาจจะเป็นได้ บ้านสุดแสนสะอาดมากถึงมากที่สุด ไรฝุ่นนี่ไร้บ้านไปเลย เฟอร์นิเจอร์เป็นไม้เกือบหมด ไม่รู้พี่แกแบกมาจากไทยรึเปล่า ไม่ว่าจะเป็นหมอนขิด ลายไทย ปูนอนดูทีวีจอยักษ์ สบายจริง ๆ แต่ด้วยความเป็นวัยรุ่นตอนปลาย ใจร้อนนิดนึง อยากจะเห็นโฉมหน้าของตัวเมือง Melbourne เร็ว ๆ เลยรบเร้าว่าไปทานข้าวกันในตัวเมืองท่าจะดีกว่า เพราะที่พักเราห่างจากตัวเมืองประมาณ 15 นาที เท่านั้นเอง

ผ่านเส้นทาง City Link ก็ทำให้เราได้เจอะเจอกับสถาปัตยกรรม สิ่งก่อสร้าง ที่เรียกถ้าไม่สร้างก็ได้ แต่ถ้าสร้างแล้วแล่มมาก เพราะจะเพลิดเพลินตลอดเส้นทางการเดินทาง ทั้งสะพานที่ถ่ายทำเรื่อง Ghost Rider ก็แล่มไม่แพ้กัน สวยดีจริง ๆ เหมือนทั้งเมืองเนรมิตออกมาให้เป็น Gallery ขนาดใหญ่ให้เราเที่ยวชมกันอย่างเต็มที่ แต่ก่อนจะไปซอกแซก ไปหาอะไรรองท้องกันก่อนดีกว่า ไปเดินย่าน center point ของ Melbourne ที่มีทั้ง Myer และ David Jones แต่ถ้าจะมองหา Woolworths แล้วอย่าเดินให้เมื่อยตุ้มเลย เพราะว่ามันไม่มี เค้าจะเรียกว่า saveway ซึ่งโลโก้เหมือนกันเด่ะ และเมื่อเดินหาร้านอาหารหรูคู่กับคนข้างถนนอย่างเรา ต้องที่ร้านจีนริมฟุตบาท บรรยากาศเหมือนเมืองไทย นั่งบริเวณ loading zone เสียวสันหลังวูบวาบ อาหารก็แหลกไม่ได้ เล่นเอาวัยรุ่นเซ็งเลยทีเดียว

#news#
พอเข้ามาถึงตัวเมือง สิ่งที่มาคู่กัน นั่นคือรถราง ที่วิ่งกันเกลื่อนเมือง และที่สำคัญถนนสายหลัก ๆ นั้นจะขาดไม่ได้เลย ถือเป็นการคมนาคมหลัก ๆ ที่ผู้คนนิยมใช้เป็นส่วนมาก และมีอำนาจเหนือรถประเภทอื่น ๆ ด้วย เส้นเหลืองถือเป็นเส้นแบ่งอำนาจโดยชอบธรรม ใครอย่าได้มาแหยมละกัน และอีกสิ่งหนึ่งที่น่าภูมิใจเสนอของชาวลำปาง นั่นคือรถม้า ที่ค่อนข้างไฮโซน่าดู นึกว่าอยู่ในเมืองเทพนิยาย ไม่ว่าจะแต่งตัวม้า ตัวรถ คนขับ ลอกซินเดอเรลลามาเห็นๆ สังเกตได้อีกอย่างว่าทุกมุมเมืองจะมีรูปปั้นสารพันแบบ เดินไปทุกจุดจะพบกับงานประติมากรรม ทั้ง Abstract มองไม่รู้เรื่องที่เจ้าของชิ้นงานต้องการสื่อถึง หรือว่าภาพฝาผนังหรือบนพื้นมากมาย


 


เดินไปเดินมาไปเจอะหัวลำโพงคิดว่าจะกลับบ้านที่อุบลซะแล้ว ถ้าไปซื้อตั๋วแล้วเค้าไม่รู้ว่าขายให้รึเปล่า Where is UBON ? Sorry !!! Bye ซะงั้น เผ่นครับงานนี้ ก่อนจะกลับเพื่อไปเตรียมตัวไปงานวันรุ่งขึ้น ก็ขอไปพักผ่อน หย่อนใจหน่อยนิดนึง โดยปลีกวิเวกไปกับเด็กแสบ ปล่อยให้พี่ ๆ กลับบ้านไปก่อนเตรียมกับข้าวไว้รอนะจ๊ะ ก็ได้ตระเวนหาโรงหนัง ซึ่งถือว่ายากมาก กว่าจะไปค้นพบโรงหนัง Hoyts ต้องไปซอกแซกแถว China Town ก็เจอแต่โรงละคร หรือไม่ก็งานคอนเสิร์ต


ไปเจอะคนไทยพอจะขอรายละเอียดซักหน่อย กลับเจอคำตอบที่น่าผิดหวังอย่างแรง คือพี่เค้าตอบว่าก็ทำงานแต่งานเลยไม่รู้ว่าโรงหนังอยู่ไหน อ้าว ซวยเลย ต้องไป discovery ต่อ ต่างบ้าน ต่างเมือง ไม่คุ้นเคย เหมือน Sydney อาศัย walk around วนแล้ว วนเล่าก็ยังไม่เจอ กลับมาที่เดิม เดินไปที่ใหม่ ถามใครก็บอกผิด บอกถูก เดินไป เดินมาเจอป้ายโรงหนังแล้ว เย้ !!! ดีใจเป็นที่สุด ในที่สุดก็เจอจนได้ และไม่ผิดหวังเลย เพราะโรงหนังที่นี่ได้ผสมผสานความทันสมัยกับความเก่าแก่ของสถานที่ได้อย่างดีเยี่ยม เหมือนมาอยู่เมืองหนังเลยทีเดียว ที่สำคัญมีหนังกลางแปลงให้ดูฟรีอีกด้วย จอใหญ่ มีที่นั่ง นี่ถ้าเป็นซิดนีย์ต้องโดดเรียนมาดูหนังฟรีทั้งวันแน่เลย


แต่ขาดอยู่อย่างหนึ่งคือ รายละเอียดของหนังที่กำลังฉายอยู่ไม่มีเลย ไม่ได้ทำการบ้านมาด้วยว่าหนังเรื่องไหนน่าดู หรือได้รางวัล เพราะฉะนั้นอีน้องตัวดีเลือกแรมโบ้ หนังสำหรับผู้ใหญ่อายุ 18 ปีขึ้นไป อีน้องตีเนียน อายุ 15 จะไปดูหนังเรท +18 โดยอาศัยหนังหน้าแก่ ๆ ของพี่ซื้อตั๋ว เอาก็เอาว่ะ ตามใจเด็กซะหน่อย เดี๋ยวพี่ sylvester stallone เค้าจะโกรธเอา พอเข้าไปในโรงหนังเมาท์กันใหญ่โดนเอ็ดเลย ดีใจเพราะว่าพี่เค้าไปถ่ายทำที่เมืองไทย และพม่า มีชาวบ้านพูดไทย เลยอดภูมิใจไม่ได้ที่ภาษาไทยได้ออกไปอวดโชว์ผู้คนทั่วโลก ดูไป ดูมา หลับครับ ตื่นมาอีกทีน้ำลายหก หนังจบ ไม่คุ้มค่าเอาเลยทีเดียว นี่ก็ดึกแล้ว กลับบ้านได้แล้วเพราะพรุ่งนี้ต้องไปตะลุยงาน Thai Culture & Food Festival 2008 ที่ Federation Square แต่เช้า ต้องกลับไปชาร์จแบตก่อน เดี๋ยวมาโม้ต่อตอนหน้า รออ่านเด็กดอยหลงทางกันต่อไป ตามติด ต๊อกตะลอน Melbourne ภาคสองต่อ ว่าจะมีวีรกรรมทำเพื่อผู้อ่านมากน้อยแค่ไหน เจอกันใหม่นะขอรับ


NATUI Officially 2009-01-04 16:44:31 12437