2024-04-20

อย่าแชร์รูป Boarding Pass !




 

 

สัปดาห์ที่ผ่านมานี้ อาจมีหลายคนได้เห็นถึงคำเตือนเรื่องการแชร์รูป Boarding Pass ว่าอาจส่งผลร้ายกว่าที่คิด วันนี้จะมาเล่าให้ฟังว่าทำไม คุณถึงไม่ควรแชร์รูป Boarding Pass บนโลกออนไลน์ เพราะนี่คือสิ่งที่ใครๆ ก็สามารถทำได้กับมัน

 

 

ความจริงแล้ว การแชร์รูป Boarding Pass ก่อนที่จะเดินทาง ไม่น่าจะใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะมันเป็นสิ่งเดียวที่สามารถแสดงได้ว่า เรากำลังจะเดินทางไปที่ไหนสักที่ เราจึงได้เห็นการแชร์รูป Boarding Pass อยู่บ่อยๆ ตามโซเชียลมีเดียต่างๆ ทั้ง Facebook, Instagram หรือ Twitter … แต่หลายคนอาจจะไม่รู้ว่า มันมีผลร้ายมากกว่าที่คิด และอาจจะตามมาด้วยความเดือดร้อนที่คาดไม่ถึงเลยก็เป็นได้

 

 

สิ่งที่น่ากลัวของ Boarding Pass ไม่ใช่ข้อความบนนั้น แต่เป็นแถบบาร์โค้ด

 

 

 

 

แถบบาร์โค้ดที่ปรากฏอยู่บน Boarding Pass ของสายการบินพาณิชย์ปัจจุบัน (แบบไม่ low cost มากนะ) จะเป็นบาร์โค้ด ในฟอร์แมตที่เรียกว่า PDF417 ซึ่งมองเผินๆ จะเป็นแถบจุดสี่เหลี่ยมสีดำ เรียงตัวกันแบบไม่มีระเบียบ เละๆ ดูไม่รู้เรื่อง รูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ปรากฏอยู่บน Boarding Pass แทบทุกใบ ของหลากหลายสายการบิน … ซึ่งนั่นแฝงเอาข้อมูลส่วนตัวอีกจำนวนมาก อยู่ในแถบบาร์โค้ดนั้น จนคุณจะต้องอึ้งไปเลยทีเดียว ….

 

 

 

 

เพื่อให้เห็นภาพ ขออนุญาตยกตัวอย่างของรูป Boarding Pass ที่ถูกแชร์บน Instagram แบบ Public ของคนที่ผมก็ไม่ได้รู้จัก แต่ก็เสิร์ชเจอมาได้อย่างง่ายๆ ด้วยแฮชแท็กที่คนโซเชียลชอบจะใส่กันมา … ภาพด้านล่างนี้ครับ

 

 

 

 

ตัวอย่างที่ยกมา เป็นของหญิงสาวชาวเกาหลีท่านหนึ่ง (หน้าตาดีทีเดียว) เธอได้แชร์รูป Boarding Pass ของสายการบิน Lufthansa เอาไว้แบบเห็นแถบบาร์โค้ด PDF417 อย่างชัดเจน พร้อมมองเห็นชื่อนามสกุลของเธอ และมองเห็นได้ว่า เธอกำลังจะเดินทางจาก ICN (สนามบินอินชอน เมืองโซล ประเทศเกาหลีใต้) ไปยัง FRA (แฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมัน) โดยที่เราก็ไม่ได้มองเห็นว่า มันคือเที่ยวบินไฟลต์อะไร ของวันที่เท่าไหร่ด้วยซ้ำ

 

 

แต่เมื่อลองใช้แอปอ่านบาร์โค้ดบน iPhone ที่สามารถดาวน์โหลดได้ฟรี อย่างง่ายๆ ใครๆ ก็โหลดได้ ส่องเข้าไปที่แถบบาร์โค้ดชุดนี้ … เปรี้ยง!! ผมได้ข้อมูลในบาร์โค้ดออกมาตามนี้เลย !!

 

 

 

 

เฮ้ย… ถึงจะดูเป็นตัวอักษรและตัวเลขเรียงกันเยอะๆ แต่มันบอกหมดเลย … ชื่อ นามสกุล, เลขไฟลต์, ที่นั่ง, คลาสการจอง, รหัสการจอง, ลำดับการออกตั๋ว, เลข e-ticket …. แม่เจ้า จ้าวแม่ …. ซึ่งคุณรู้ไหมว่ามันสำคัญขนาดไหน

เมื่อทดลองเข้าเว็บไซต์ของ Lufthansa ครับ เพื่อไป “จัดการ Booking” ของสาวเกาหลีคนนี่ซึ่งก็ไม่ได้รู้จักอะไรกับเธอเลยแม้แต่น้อย … ข้อมูลที่ต้องใส่คือ …

 

 

 

 

“นามสกุล และ รหัสการจอง” … สบาย มีครบแล้ว ! แค่นี้ ใส่ไปเล้ยยยย

 

 

 

 

รู้ข้อมูลส่วนตัวครบทุกอย่างในไม่กี่คลิ๊ก

 

 

 

 

เปรี้ยง !! เข้าสู่หน้าจัดการ Booking ของตั๋วเครื่องบินใบนี้เป็นที่เรียบร้อย … รู้แม้กระทั่งว่า เธอจะเดินทางกลับเกาหลี ด้วยไฟลต์ไหน วันที่เท่าไหร่ ซื้อตั๋วมาราคาเท่าไหร่ (แถมรู้เลขบัตรเครดิต 4 ตัวท้ายที่ใช้ในการซื้อตั๋วด้วย)

 

 

 

 

อุ่ย ไม่ได้เดินทางคนเดียวซะด้วย มีอีกคนเดินทางพร้อมกัน นั่งติดกัน เป็นแฟนกันรึเปล่านะ… (ใครแอบหนี ผบ.ทบ.ที่บ้าน ไปเที่ยวกับกิ๊ก อย่าเสือกโพสรูป Boarding Pass เป็นอันขาด)

 

 

กดยกเลิกเที่ยวบินก็ทำได้สบายๆ

 

 

 

ที่น่าตกใจที่สุดคือ สามารถกด Cancel และ Refund ตั๋วเครื่องบินใบนี้ได้เลยทันที ยกเลิกเที่ยวบินมันซะเลย ก็ทำได้ง่ายๆ~ ชิลๆ~ หรือจะแอบย้ายที่นั่งให้สองคนนี้นั่งแยกกันซะเลย ก็ทำได้

 

 

เหงื่อตกกันเลยใช่มั้ย …

 

 

นี่แค่ตัวอย่างนะครับ …​ แน่นอนว่าเว็บไซต์ของแต่ละสายการบินก็จะแตกต่างกันไป ทำรายการได้ไม่เท่ากัน อย่างของการบินไทย เมื่อลองแล้วก็สามารถมองเห็นข้อมูลส่วนตัวได้มากมาย เปลี่ยนแปลงที่นั่งได้ แต่ไม่สามารถยกเลิกตั๋วได้ทั้งใบ หรืออย่างของสายการบินอื่น ถ้ามีเลข Frequent Flyer ด้วย ก็จะมองเห็นเที่ยวบินที่ทำการจองในอนาคตได้ทั้งหมด (และกดยกเลิกได้สบายๆ)

 

 

สรุปอย่างไม่ต้องยืดยาว “อย่าแชร์รูป Boarding Pass” บนโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะเที่ยวบินที่ยังเดินทางไม่เสร็จสิ้นครับ ส่วนเที่ยวบินที่สิ้นสุดไปแล้ว ส่วนมากแล้วปลอดภัยดี แชร์ได้ไม่มีปัญหา เพราะระบบก็จะหา booking นั้นไม่เจอแล้ว หรือถ้าอยากจะแชร์รูป Boarding Pass จริงๆ ก็อย่าแชร์ให้เห็นบาร์โค้ดทั้งแถบ ปิดไว้บางส่วน ก็จะปลอดภัยขึ้นมากทีเดียว ด้วยความปรารถนาดีนะ :')

 

 

 

 

ที่มา : spin9.me

Natui Website 2015-10-20 23:35:53 9952