2025-07-27

ธัญญา แววภักดี




{mosimage}“ชีวิตที่เหลืออยู่หนูขอเลือกเอง” คือคำจำกัดความสั้นๆที่แฝงไปด้วยพลังใจที่เปี่ยมล้น ของผู้หญิงที่ไม่ธรรมดาคนนี่ ความมุ่งมั้น การต่อสู้ต่อลิขิตจากฟ้าที่เราไม่สามารถเลือกเกิดได้ ความน่ารัก และความจริงใจนี้เองทำให้ทีมงานไม่พลาดที่จะมาแนะนำเพื่อนใหม่วัยออส “ธัญญา แววภักดี” ให้เพื่อนๆรู้จักว่าผู้หญิงธรรมดาที่ไม่ธรรมดาคนนี้คือใคร

ย้อนกลับไปสัก 7 ปีเห็นจะได้หลังจากที่การประกวดสาวประเภท 2 ที่ประเทศ สหรัฐอเมริกาชื่อว่า Miss Queen Universe ถูกเปลี่ยนชื่อมาเป็น Miss International Queen ในขณะนี้นั้น มงกุฏของสาวประเภทสองที่สวยที่สุดในโลกก็ตกมาเป็นของหนุ่มไทยที่ชื่อว่า “ธัญญา แววภักดี” ด้วยคะแนนที่เป็นเอกฉันท์อย่างยากที่จะหาสาวประเภท 2 ชาติอื่นมาเปรียบ “ตอนนั้นก็มีตัวเต็งหลายชาติ อินโดนิเซีย ฟิลิปินส์ ที่หุ่นดีๆสวยๆทั้งนั้น สาวฟิลิปินส์บางคนสวยกว่าสาวไทยซะอีก แต่เราได้เปรียบที่รูปร่าง แต่จริงๆแล้วหนูนี่ก็ถือว่าเป็นคนตัวใหญ่มาก ให้หนูอยากสูงแบบนี้หนูไม่อยากสูงหรอก เพราะชีวิตเราไม่ได้อยู่บนเวทีทุกวัน และเวลาอยู่ข้างล่างเวทีหนูว่ามันสูงเกินไป หนูไม่เห็นชอบเลย เดี๋ยวนี้เด็กๆที่เค้าประกวดกันสูงแค่ 170-175 กัน ดูน่ารักๆ อย่างหนูนี่ 180 กว่านู่น ตอนเด็กๆหนูไม่น่ากินนมเยอะเลย” บอลเป็นสาวประเภทสองที่มองเผิน ๆ แล้วอาจจะคิดว่าเธอเป็นหญิงสวยแถมเรียบร้อยอีกต่างหาก


“ก่อนได้ตำแหน่งนี่ก็จะต้องเก็บตัวที่อเมริกา 3 วัน ไปทำกิจกรรมที่ ยูนิเวอแซล สตูดิโอ และที่ ดิสนีย์แลนด์ ไปโชว์ตัวจากงานต่างๆ แต่หลังจากที่ได้รับตำแหน่งก็ต้องทำงานให้องค์กรด้วย ไปบ้านเด็กกำพร้า ไปเยี่ยมบ้านพักคนชรา โดยไปด้วยกันทั้งหนูและรองชนะเลิศอีก 2 คน”


แต่ก่อนที่เธอ จะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน การยอมรับจากสังคม หรือการดำเนินชีวิต ซึ่งแตกต่างโดยสิ้นเชิงจากคนที่เกิดมาเป็นผู้หญิงโดยแต่กำเนิด ไม่ว่าสายตาที่ถูกมองจากคนรอบข้าง หรือแม้แต่คนในครอบครัวที่กว่าจะทำให้ทุกคนยอมรับได้ เธอต่อสู้และอดทนมาไม่ต่ำกว่า 20 ปี

 

“บ้านเรายังไงก็ต้องมีสังคม มีพ่อแม่และญาติพี่น้อง เมื่อก่อนตอนประกวดมิสทิฟฟานี่พ่อแม่หนูยังไม่รู้เลย หนูพึ่งจะมาแต่งตัวเป็นผู้หญิงที่นี่ หนูเกิดและโตที่ปัตตานี หนูเป็นลูกชายคนเดียว และมีพี่สาวหนึ่งคน คุณพ่อเป็นดุมาก คุณแม่เสียตั้งแต่ 9 ขวบ รู้สึกว่าตัวเองเป็นแบบนี้ตั้งแต่เด็กๆ จนมาเรียนต่อที่กรุงเทพตั้งแต่ ม.1 และเริ่มรู้ว่าตัวเองเป็นอะไรมากขึ้น แต่จริงๆแล้วหนูเองก็ชอบแต่งหน้าตั้งแต่ 4-5 ขวบแล้วนะ”

 

{mosimage}บอลนั่งเหม่อลอยนึกถึงความหลังและเล่าต่อไปว่า “หนูเรียนจบที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ตอนที่เรียนอยู่มหาวิยาลัย ยังแต่ตัวเป็นผู้ชาย และหลังจากจบมาก็มาทำงานที่ปูนซีเมนต์ไทย 2-3 ปี การแต่งตัวหนูก็ยังใส่สูทผูกเนทไทอยู่เลย แต่หนูจะมีเพื่อนผู้ชายน้อย เพราะว่าคุยกันคนล่ะเรื่อง จนมาแต่งตัวเป็นผู้หญิงเริ่มไว้ผมยาวที่ออสเตรเลียนี่ และเริ่มขึ้นเวทีประกวดครั้งแรกที่ซิดนีย์เช่นกัน รู้สึกจะเป็นการประกวดธิดาร้านอาหารไทย เมื่อปี 2001 โดยรองชนะเลิศนี่เป็นผู้หญิงแท้ด้วยนะ ลงทุนเอง แต่งหน้าเอง จนถึงส่งตัวเองเข้าประกวด คนที่ได้รองหนูสวยมาก แต่เชื่อมั้ยว่าคนที่นี่ไม่รู้ว่าเราเป็นสาวประเภท 2”

ดูท่าทางเธอภูมิใจในตัวเองมิใช่น้อย พวกเราก็เห็นด้วยกับเธอ


“พอประกวดที่นี่เสร็จ ทีนี้ก็เลยส่งรูปไปให้เพื่อนดู เพื่อนก็เห็นแววแนะนำให้ไปประกวดมิส Tiffany ที่กรุงเทพ พี่สาวโทรทางไกลมาเลยนะว่าอย่าขึ้นเวที เพราะว่าพ่อเราเป็นโรคหัวใจ เดี๋ยวแกรับไม่ได้อาการจะแย่ แต่ว่าเพื่อนด่าหนูคำนึงว่า ถ้ามึงไม่ประกวดมึงเลิกเป็นกระเทยได้เลย หนูรู้ตัวเองเลยว่า ถึงเราไม่ประกวดยังไงเราก็เลิกเป็นแบบนี้ไม่ได้ พ่อคือคนที่หนูรักที่สุด ซึงหนูเองก็เรียนจบให้พ่อ และเป็นคนดีอย่างที่พ่อต้องการแล้ว เลยตัดสินใจเดินหน้าขึ้นเวที”

 

ดูเหมือนเธอจะอึดอัดสองจิตสองใจกับการตัดสินใจประกวดมีส Tiffany นี้มิใช่น้อย “แล้วก็ดันได้ตำแหน่งชนะเลิศขึ้นมาอีก พอหลังจากนั้นก็มีสื่อเอารูปเราลงหน้าหนังสือพิมพ์ ต่อจากนั้นกองประกวดก็ส่งไปประกวด Miss Queen Universe จนได้รับชัยชนะทำชื่อเสียงให้กับประเทศไทย”

 

 

“หลังจากที่ได้รางวัลที่อเมริกา คุณพ่อก็เห็นข่าวในหนังสือพิมพ์ อ่านไปร้องไห้ไป หนูรู้ว่าพ่อเจ็บแต่ไม่พูดอะไร พ่อบอกว่าถ้าเลือกได้ก็อยากให้หนูเป็นผู้ชาย แต่ไม่เป็นไร อยากให้ลูกเป็นอย่างที่ลูกอยากเป็น แต่ก็เป็นคนดี และดำรงชีวิตอยู่ได้ก็แล้วกัน หนูดีใจทีสุดเหมือนยกภูเขาออกจากอก หลังจากนั้นกำแพงระหว่างพ่อกับหนูก็ทลายลง ทำให้เราเข้าใจกันมากขึ้น พ่อแม่บางคนรับไม่ได้ บางคนต้องเลือกที่จะตัดชีวิตตัวเองออกจากครอบครัว หนูถือว่าโชคดีมาก จนเดี๋ยวนี้มีข่าวอะไร พ่อตัดเก็บไว้หมดเลย ติดตามผลงานตลอด” สีหน้าเธอดีใจอย่างเห็นได้ชัด หลังจากจุดเปลี่ยนชิวิตครั้งยิ่งใหญ่ได้ผ่านพ้นไป ไม่ว่าจะเป็นคนใกล้ตัวอย่างคุณพ่อ และคนในสังคมรอบข้างที่ยอมรับได้มากขึ้น เธอเองก็สามารถเดินทางตามความฝันจากสาวประเภทสองจนกลายมาเป็นผู้หญิงเต็มตัว


 

{mosimage}


“ก่อนที่จะเดินทางมาเรียนต่อที่ออสเตรเลียก็ได้ข้อมูลจากรุ่นพี่ที่ทำงานปูนซีเมนต์ไทยคอยแนะนำ หนูเองตอนแรกนี่ก็ต้องทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย ด้วยความที่ว่าพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ในตอนแรก เลยหางานพวก cleaner อย่างเดียวเพราะคิดว่าตอนนั้นจะได้ไม่ต้องพูดกับใคร แต่คิดผิดเลยเพราะว่าทำให้เราไม่ได้ฝึกภาษา เลยมาสมัครงานเป็นพนักงานเสิร์ฟแทน ทำงานไปแต่หนูเองก็ต้องตั้งใจเรียน เรียกว่ากว่าจะจบโทได้นี่เกือบตาย ตอนนี้หนูเองก็ยังทำงานเสิร์ฟอยู่นะ แล้วก็ทำงานในโรงแรมฝรั่งที่นี่ในตำแหน่งของ Function Attendant”

 

“ตอนนี้อยู่ที่นี่อย่างสบายเป็น PR เรียบร้อย ใช้ชีวิตเหมือนผู้หญิงธรรมดาคนนึง ไม่มีใครมองด้วยสายตาแปลกๆอย่างเคย ก็อยู่ไปเรื่อยๆอยากเป็นประชากรหรือ Citizen ที่นี่เพราะว่าจะได้ใช้คำนำหน้าว่า Miss ซักที เพราะที่บ้านเราเค้าไม่ให้ใช้ เค้าไม่ยอม เวลาเดินทางไปไหนค่อนข้างลำบาก อย่างไปญี่ปุ่นเนี่ยเค้าตรวจหนูหลายรอบมากเลย อย่างบ้านเรานี่หนูก็ไม่สามารถใช้คำว่านางสาวได้ สังคมที่นี่ค่อนข้างโชคดี อยากเป็นแบบไหนก็เป็นได้ คนไทยที่นี่น่ารัก คงเป็นเพราะเห็นโลกกว้างมากกว่าคนที่บ้านเรา อย่างเรื่องสายตานี่ชัดเลย เมื่อก่อนมักจะได้ยินคำพูดที่เค้าพูดกับเรานี่เหมือนเค้าแทบจะไม่ได้คิดก่อนพูดด้วยซ้ำ แต่คนไทยที่นี่ยอมรับได้ เดินไปไหนรู้สึกได้เลยว่ารู้สึกเหมือนคนปกติ สาวประเภท 2 และคนพิการ อยากมาอยู่ที่นี่ ปัญหาหลักของบ้านเราเลยคือเรื่องของการยอมรับทางสังคม”

{mosimage}{mosimage}

ดูเธอทุกวันนี้มีความสุขกับสิ่งที่เธอเป็น เธอให้ข้อคิด แง่มุมหลายอย่าง จนทำให้บางคนที่เกิดมาเป็นหญิงแท้หรือชายแท้ ยังต้องกลับไปคิดเลยว่า เราหลายคนพอใจแล้วในสิ่งที่เกิดมา แต่เราได้ทำอะไรในอย่างที่เราควรจะทำแล้วหรือยัง เพราะฉะนั้นลองคิดดูสิ เมื่อเราเป็นคนดี ทำจุดหมายของตนเองและคนรอบข้างให้สำเร็จ แค่นั้น “ชีวิตที่เหลืออยู่คุณก็สามารถเลือกในสิ่งที่คุณอยากจะเป็นได้เอง”

NATUI Officially 2008-01-29 02:06:06 4182