2024-05-03

ข้อควรรู้ ก่อนจะไปอยู่เกาหลี




ต่างประเทศก็ต้องต่างชนชาติ ต่างวัฒนธรรม ต่างท้องที่ แต่จะทำยังไงให้ปรับตัวอยู่ในสภาพแวดล้อมของประเทศนั้นได้ ซึ่งก็แน่นอนค่ะว่าเราก็ต้อรู้จักประเทศเขาพอสมควร วันนี้เลยจะมาบอกให้ฟังว่าเวลาที่เราต้องไปใช้ชีวิตอยู่ในเกาหลี เราควรจะต้องรู้อะไรเกี่ยวกับเขาบ้าง โดยเฉพาะน้องๆที่คิดจะไปเรียนต่อ หรือเรียนจบแล้วอยากไปทำงานที่นั่น เพื่อที่จะได้ทำตัวได้ถูกต้องมากยิ่งขึ้นค่ะ

     ถึงแม้ว่าตอนนี้เกาหลีจะทัดเทียมกันทั้งผู้หญิงและผู้ชาย แต่ยังไง๊ยังไง พื้นเพของเขาก็มักจะยกให้ผู้ชายเป็นผู้นำอยู่ดี ที่สำคัญ คนเกาหลีนั้นแท้จริงแล้วเป็นคนที่ไม่ค่อยเก็บอารมณ์เสียเท่าไหร่ รู้สึกโกรธก็แสดงออกทันที หรือเสียใจก็ไม่มีการกลั้นน้ำตาไว้ รู้สึกอย่างไรก็แสดงออกมาแบบนั้น (ไม่เห็นเหมือนในซีรี่ย์เกาหลีเลยอะ แบบพระเอกเย็นชา เก็บอารมณ์ไว้ลึกๆอะไรประมาณนี้ -3-)

     หากจะต้องเข้าไปติดต่อเรื่องงาน เรื่องเรียน หรืออะไรก็แล้วแต่ที่ต้องผ่านขั้นตอน จำเป็นจะต้องทำการบ้านก่อนว่า ที่ที่เราจะไปคือที่ไหน เกี่ยวกับอะไร มีใครที่ทำงานเกี่ยวข้องกันในส่วนนี้บ้าง ต้องการเข้าไปทำอะไร ต้องบอกให้เป็นระบบ เพราะถ้าหากไปแบบว่างเปล่า ไม่มีข้อมูลอะไรเลย อาจโดนเหวี่ยงเอาได้ง่ายๆ (ไม่เหมือนกับการไปเที่ยวนะคะ เกาหลีใต้จะเซอร์วิสนักท่องเที่ยวสุดๆ ไม่รู้อะไรถามได้ตลอดเวลา)

     และควรมีความรู้ในภาษาอังกฤษ แต่ก็อย่าลืมว่าไปอยู่ประเทศเขา จะเอาแต่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ จำต้องเป็นภาษาเกาหลี ยิ่งเป็นเยอะยิ่งดีกับตัวเอง

     เพราะที่น่ากลัวคือสำเนียงภาษาอังกฤษของคนเกาหลีฟังยากมาก เนื่องมาจากเขาออกเสียงได้ไม่ครบและไม่เหมือนเจ้าของภาษาเลย ภาษาอังกฤษของเขาจึงเป็นอังกฤษดัดแปลง ต้องใช้ความสามารถในการฟังขั้นสูงสุด(พอๆกับคนญี่ปุ่นพูดอังกฤษ) แต่คนไทยสามารถออกเสียงอังกฤษให้เหมือนเจ้าของภาษาได้สบายๆ

ตัวอย่างการอ่านภาษาอังกฤษเป็นสำเนียงของคนเกาหลี(บางอันถึงกับงงว่าวงอะไร ถ้าไม่มีภาษาอังกฤษกำกับ)

     พูดถึงการทักทาย คนเกาหลีจะทักทายด้วยการโค้ง แต่เป็นการโค้งที่อยู่ในระดับพอดี ไม่ต้องก้มจนจะถึงเอว ส่วนการจับมือนั้น มักจะจับมือในเพศเดียวกันเสียมากกว่าค่ะ

      เวลาต้องเข้าร่วมประชุมกับผู้ที่อาวุโสกว่า รู้ไว้ว่า การสบตาผู้ที่อาวุโสกว่าบ่อยๆนั้นเป็นสิ่งไม่ควรทำอย่างยิ่ง เพราะเหมือนกับเราดูหมิ่น ไม่ให้เกียรติ (ต่างจากบ้านเราที่ต้องสบตาคู่สนทนา เพราะเหมือนกับเป็นการสื่อให้รู้ว่า เรากำลังพูดจามีปฏิสัมพันธ์กับเขา) และไม่ควรวางสิ่งของ ไม่ว่าจะเป็นรายงาน การบ้าน ฯลฯ ไว้บนโต๊ะหัวหน้าหรืออาจารย์เด็ดขาด ต้องวางในที่ที่กำหนดให้เท่านั้นและไม่พูดกล่าวบอกเล่าในเรื่องที่ไม่ดีตั้งแต่เช้าให้ใครฟัง เพราะถือเป็นการรบกวนความสงบสุขในยามเช้าเอามากๆ

      เรื่องอาหารการกินเวลาต้องไปทานร่วมกับผู้อื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเราเป็นแขก ห้ามรับประทานอาหารจนเกลี้ยงจาน เพราะมิเช่นนั้นเขาจะเสนออาหารให้เราเพิ่ม และเราควรจะปฏิเสธไปในสองครั้งแรกที่เขาเสนอ เมื่อมีครั้งที่สามจึงค่อยตกลงรับ เช่นเดียวกับถ้าเราเป็นเจ้าภาพ ก็ควรจะเสนออาหารเพิ่มให้แขกสามครั้งเหมือนกัน

      แล้วก็มีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยต่างๆอย่างการซื้อของ ของซื้อของขายในเกาหลี ถ้าเป็นระดับแบรนด์ดังๆมันจะมีราคาตายตัวอยู่แล้ว จะแปรผันไปตามค่าเงินเท่านั้น เพราะฉะนั้น หากกำลังทรัพย์ไม่พออย่าได้ “ซื้อของปลอม” เลยนะคะ เพราะว่าเกรดของเขามันก็ไม่ต่างอะไรกับของบ้านเราเลย - -“ เสียเวลาหิ้วมาเปล่าๆ โรงเกลือเยอะแยะ

      มารยาทในร้านอาหารของเขาก็สุดยอดค่ะ การทิ้งขยะของเขาจะเป็นระเบียบ มีแยกไว้ว่าถังนี้จะต้องทิ้งอะไร มีที่ไว้ให้นำภาชนะไปเก็บรอล้าง หนำซ้ำอาจจะให้แยกประเภทด้วยว่าที่ตรงนี้วางภาชนะอะไร เพราะฉะนั้นทำให้ถูกต้องค่ะ คนที่นั่นเขาทำกันเป็นนิสัยไปแล้ว

      คนเกาหลีใต้เป็นอะไรที่ต้องการความเร่งรีบขั้นสูงสุด ทุกเวลาทุกนาทีมีค่า เพราะฉะนั้น คนบ้านเขามักจะ “เดินเร็ว” แบบติดไฮสปีด และยิ่งไปกว่านั้น ถ้าหากเขาเดินชนคุณ ไม่ว่าคุณจะเซ จะเสียจังหวะ จะสะดุด หรือล้มหน้าคะมำ คุณก็จะไม่ได้รับการขอโทษแต่อย่างใด - -“” อย่างมากถ้าคุณล้มลงไปกองกับพื้น เขาก็แค่มาจับแขนคุณให้ลุกขึ้นได้(หรือจะไม่ลุกก็ตามใจ)แล้วขอโทษเป็นพิธี แต่น้อยมากที่จะเจอคำขอโทษซักครั้ง เพราะฉะนั้นหากเห็นคนเกาหลีเดิมดุ่มๆไม่มองใคร ก็หลีกไว้ดีกว่าค่ะ ถ้าไม่อยากอารมณ์เสีย


คนเยอะ เร่งรีบ เบียดกันชนกันเป็นเรื่องปกติ(ที่จะไม่มีใครขอโทษ -“-)

      ส่วนเรื่องนี้เป็นอะไรที่มันก็แอบฮานิดนึงตรงที่ว่า เวลาขึ้นรถแท็กซี่ที่ให้บริการเต็มไปหมดเนี่ย อย่าไปถือวิสาสะปรับแอร์ จับนู่นแตะนี่ในรถเข้าเชียวนะคะ คุณอาจโดนพ่นภาษาเกาหลีใส่(จริงๆคือเขากำลังว่าอยู่นั่นแหละ แต่เราฟังไม่ออก ฮ่าๆ) เผลอๆอาจโดนตีมือ หรือตบหัวเอาด้วยก็ได้ -“- (เริ่มไม่ฮาละ) และอย่าเผลอโบกแท็กซี่คันสีดำเงาวับรุ่นเหมือนใหม่ เพราะรถประเภทนั้นมักจะคิดราคามิเตอร์แพงเป็นเท่าตัวเลยล่ะค่ะ เขาเรียกว่า “โมบอม”

     ดีไม่ดีบางวันอาจได้เพื่อนร่วมทางที่ไม่รู้จักมานั่งด้วย เพราะที่นี่ยึดหลัก ทางเดียวกันไปด้วยกัน(เฮ้ย!!!)

     ราคาก็แพง ใกล้ก็ไม่ไป ทำใจแล้วเดินลงไปขึ้นรถไฟใต้ดินซะนะคะ ^^ (ฮาาาาา)

      การออกเสียงก็เป็นเรื่องสำคัญ สมมติว่าอยากไปหาคนชื่อ “???” แน่นอน อ่านเกาหลีไม่ออก ฮ่าๆ ;P ชื่อของคนนี้เป็นภาษาอังกฤษก็จะเป็น “Choi Seung hyeon” ซึ่งถ้าเราอ่านตามอังกฤษเป๊ะๆ ก็จะได้เป็น ชอย ซึง...เอ่อ อ่านแบบไทยก็ ยอน ธรรมดาๆ(ควบไม่ได้ T^T) จริงๆนะคะ ถ้าเป็นคนที่ไม่รู้เกาหลี เขาก็จะอ่านเป็น ชอยซึงยอน ฉ่อยซึงยอน ซึ่งคำควบ ฮ. บ้านเราไม่มี ก็ไม่ออกเสียงเป็นเรื่องปกติ(นอกจากจะพยายามออกเสียง)

      แต่! ถ้าจะไปหาคนชื่อนี้ในประเทศเขา ต้องออกเสียงให้ถูกนะคะ มาชงมาฉ่อยอะไรไม่ใช่ ต้อง “ชเว ซึง ฮยอน” ออกเสียงควบไม่ได้ก็ต้องพยายามค่ะ ดีไม่ดีเขาอาจนึกว่าคนที่คุณตามหาเป็นผู้ก่อการร้ายข้ามชาติก็ได้นะ (ไปกันใหญ่ -“-)

      ส่วนข้อสุดท้าย หากจะต้องไปเกาหลีเพื่อการท่องเที่ยว ควรเขียนบอกทางตม.ของที่นู่นว่า Tourist หรือจะเข้าไปเรียนต่อก็ต้องบอกจุดประสงค์ว่า Study อะไรประมาณนี้ หากอยากลองของให้เขียน Business ค่ะ แล้วคุณจะพบกิริยาอาการที่ไม่ค่อยสู้ดีและก้าวร้าวจากเจ้าหน้าที่ทันที (ไม่รู้เพราะอะไร แต่บางคนก็ไม่เจอนะคะ) ยังไงก็เซฟตัวเองไว้ก่อนแล้วกัน ถ้าไม่อยากหัวเสียตั้งแต่เริ่มเข้าประเทศ

      ยังไงใครที่ได้ไปเยือนเกาหลีก็ต้องเรียนรู้เยอะๆนะคะ เดี๋ยวนี้หนังสือคู่มือการท่องเที่ยวเกาหลี การทำงานในเกาหลี หรือแม้แต่ไปเรียนต่อมีขายเยอะแยะ และแน่นอนว่าผู้เขียนจะต้องใส่ประสบการณ์ต่างๆที่ได้พบเจอไปด้วย หากอยากเที่ยว อยากใช้ชีวิตให้สนุกที่เกาหลี ก็ไม่ควรมองข้ามสิ่งเหล่านี้นะคะ ^^

 

ข้อมูลจาก: www.hellomiki.com

Natui Officially (Korea) 2013-07-02 17:59:26 15706