คุณหมอวีซ่า Issue 14 by Pip Panasbodi (CP International Education & Migration Service), RMA 9896337
ต้อนรับปีมังกรทองด้วยวีซ่าคู่รัก
สวัสดีปีใหม่ ซินเจีย ยู่อี่ ซินนี้ ฮวดไช้ ทุกๆท่านค่ะ ปีนี้เป็นปีมังกรทอง ปีแห่งการเริ่มต้นที่ดีๆ เป็นปีที่คู่สมรสทั้งหลายพยายามวางแผนครอบครัวให้ได้ลูกทองปีมังกรกัน ส่วนคู่รักคู่หมั้นที่ยังไม่ได้แต่งงาน ก็วางแผนจะแต่งงานในวันที่ 12/12/12 กันจนแผนกจดทะเบียนสมรสคิวเต็มเอี๊ยด จะได้ make sure ว่าแฟนเราจะไม่ลืมวันแต่งงานของเราทุกปี (หากมีแหวนกะรัตใหญ่ขึ้นเป็นของขวัญให้ทุกปีก็จะดีเนาะ) เอาเป็นว่า ใครที่มีแฟน และวีซ่ากำลังจะขาด โดยเฉพาะนักศึกษาที่ถือวีซ่านักเรียนทั้งปวง คุณหมอวีซ่าอยากให้เข้ามาปรึกษาถึงกฎการต่อวีซ่าที่ถูกต้องและตรงเป้าหมาย อย่าซี๊ซั๊ว เพราะครั้นติดประวัติ adverse immigration history ก็ติดไปตลอดชีวิต แถมยังกระทบไปถึงญาติพี่น้องที่จะขอวีซ่าต่อจากเราในอนาคตด้วย ประวัติลบอย่างนี้เป็นสิ่งที่เราใช้เงินซื้อกลับไม่ได้ หากโดนปฏิเสธวีซ่านักเรียนกลับมา ซึ่งตั้งแต่นโยบายรัฐบาลออสฯเปลี่ยนมาตั้งแต่ต้นปี 2010 พวกเราทุกคนก็เห็นบ้างและก็ประสบมาเองแล้วว่า มีผลอย่างมหาศาลต่อการอนุมัติวีซ่านักเรียนของออสเตรเลียอย่างรุนแรง โดยเฉพาะที่สมัครมาจากเมืองไทย และใครที่ต้องผ่านการสัมภาษณ์จากสถานทูตฯ มักจะสอบตกกันเป็นแถวๆ ยกตัวอย่างน้องคนหนึ่งที่เข้ามาพบคุณหมอวีซ่าที่ซิดนีย์เมื่อก่อนสิ้นปี เสียดายที่มาพบสายไปเพียงวันสองวัน ปรากฎว่าเขาได้รับคำแนะนำผิดมาจากเอเย่นที่เสนอให้เขาไปทำวีซ่านักเรียน ทั้งๆที่เขามีสิทธิ์และคุณสมบัติเพียงพอที่จะยื่นวีซ่าคู่ครองได้ แต่ทางเอเย่นท์ไม่ได้เป็น migration agent อาจไม่รู้กฎเกี่ยวกับวีซ่าตัวอื่นๆดีพอ และคงจะทำได้แต่เฉพาะวีซ่านักเรียน เลยยื่นวีซ่านักเรียนให้ ตอนมาพบคุณหมอวีซ่า วีซ่านักเรียนของน้องเขาก็หมดไปแล้ว จึงไม่สามารถยื่นวีซ่าคู่ครองให้ได้ทั้งๆที่เขาก็มีเอกสารกินอยู่ครบถ้วนมา ถึงจะไม่ถึงปี ก็ทำได้เพราะมีกฎหมายรองรับ ตอนที่เจอกันคุณหมอวีซ่าได้ express concerns แสดงความเป็นห่วงว่าวีซ่านักเรียนแกอาจจะไม่ผ่านภายใต้กฎ GTE สำหรับวีซ่านักเรียนรุ่นใหม่ เพราะฟังดูเรื่องดูหลักฐานแล้วไม่น่าจะผ่าน และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา น้องเขาโทรมาว่าวีซ่านักเรียนเขาโดนปฏิเสธจริงๆ แล้วมาให้ทีมงานคุณหมอวีซ่าหาทางออกให้ เช่นนี้ เรื่องก็ซับซ้อนขึ้นมาก เนื่องจากแผนอนาคตการตั้งหลักแหล่งของแกกับแฟนก็กลับตะละปัด เพราะแกอาจต้องแยกกับแฟนเสียค่าตั๋วกลับไปยื่นเคสที่เมืองไทย แทนที่จะได้ทำเรื่องที่ออสเตรเลียโดยไม่ต้องกลับ และได้มาซึ่งสิทธิ์ในการขอบัตรดูแลสุขภาพเมดิแคร์พร้อมบริดจิ้งวีซ่าที่สามารถขอทำงานเต็มเวลาที่ออสฯได้ น่าเสียดายที่แกมาพบสายไปเพียงไม่กี่วันจริงๆเลยค่ะ และถึงคุณหมอวีซ่ามีความมั่นใจในการยื่นเคสครั้งใหม่ให้ แต่สงสารน้องเขาที่ต้องเสียทั้งเงิน ทั้งเวลา และต้องอยู่ห่างกับแฟนนานเลยที่เดียว กว่าวีซ่าตัวใหม่จะออกได้ คุณหมอวีซ่ามักพูดเสมอว่า อย่าไปเสียดายเงินเล็กเงินน้อย เอเย่นท์โน้นนี้คุยฟรีหรือถูกกว่า แต่ถ้าทำวีซ่าเราพังอย่างนี้ กลับไม่ยิ่งแพงมากกว่าหรือคะ ไหนๆก็เป็นปีที่ดีแล้ว จึงอยากใหทุกคนเริ่มต้นปีด้วยสิ่งดีๆกันนะคะ
ขณะเดียวกัน พอเปิดปีใหม่มา คุณหมอวีซ่าก็ยิ้มแย้มแจ่มใสด้วยความดีใจมาก เพราะได้รับแต่ข่าวดีๆ มีลูกค้าหลายๆคนได้รับวีซ่าเป็นจำนวนมากมายหลายราย กระทั่งวีซ่าในขั้นอนุญาโตตุลาการอุทรณ์ MRT ที่ยากแสนยาก ก็ปรากฎว่าผ่านอีก โดยเฉพาะวีซ่าแต่งงาน ที่ตอนนี้อิมฯเรียกตัวให้ส่งเอกสารสำหรับ stage 2 เพิ่มเติม ส่วนลูกค้าอีกคนก็ได้รับวีซ่าแต่งงานเป็นพีอาร์เรียบร้อย ส่วนอีกคนก็ได้รับทีอาร์จากการยื่นวีซ่าพาร์ทเนอร์ไปเรียบร้อยแล้ว น้องที่มาจากประเทศโรมาเนีย ก็ได้วีซ่า de facto ไปโดยไม่มีการสัมภาษณ์หรือขอเอกสารเพิ่มเติมแต่อย่างใด วีซ่าทักษะ 885/886/175/176 พร้อม 485 และวีซ่าที่มีนายจ้างสปอนเซอร์แบบ ENS 457/856 ทั้งหลายก็ทยอยกันผ่านแบบรับจดหมาย Approval กันเป็นว่าเล่นเลยก็ว่าได้ ถือว่าเป็นข่าวดีแห่งการเริ่มต้นประจำปีมังกรทองกันเลยทีเดียว
สำหรับฉบับนี้ คุณหมอวีซ่าก็มีข้อมูลน่าสนใจมานำเสนอกันเช่นเคย ข้อมูลนี้มาจาก
2010 – 11 Migration Program Report – Program Year to 30 June 2011 ที่ออกโดยอิมมิเกรชั่นค่ะ
(Taken from: http://www.immi.gov.au/media/statistics/pdf/report-on-migration-program-2010-11.pdf)
แผนภูมิทั้งสองนี้แสดงจำนวนวีซ่าถาวรที่ได้รับแกรนท์จากอิมมิเกรชั่น ซึ่งวีซ่าที่ได้รับการแกรนท์เป็นอันดับหนึ่งก็คือ วีซ่า Skills โดยเฉพาะวีซ่า ENS หรือวีซ่านายจ้างสปอนเซอร์ ซึ่งจำนวนผู้สมัครที่ได้รับการแกรนท์มีมากเกือบถึง 45,000 คนเลยทีเดียว นอกเหนือจากวีซ่า Skills แล้ว วีซ่าคู่ครองก็ถือเป็นวีซ่าที่ทาง DIAC ออกวีซ่าให้มากที่สุดเป็นอันดับสอง ซึ่งในปี 2010 – 2011 ที่ผ่านมา ยอดผู้สมัครที่ได้รับการ grant วีซ่าคู่ครองเป็นจำนวนถึง 54,543 คน ซึ่งจำนวนนี้ถือเป็นจำนวนที่ค่อนข้างมากทีเดียวเลยนะคะ นั่นหมายความว่าถ้าใครอยากเป็นพีอาร์ที่ออสเตรเลียแล้วละก็ สองวีซ่าฮอทฮิตประจำปีนี้และปีต่อๆไปก็คงจะเป็นวีซ่านายจ้าง และวีซ่าคู่ครองนี่ละค่ะ (จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลและนโยบายโดยรวม)
ในช่วงที่คุณหมอวีซ่ากลับมาประจำที่ซิดนีย์ ก็มีลูกค้าจำนวนมากมายเข้ามาปรึกษาในการทำวีซ่าประเภทต่างๆ โดยเฉพาะวีซ่าที่กำลังเป็นที่ฮอตฮิตประจำปีนี้ก็เห็นจะเป็นวีซ่าคู่ครองทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นยื่นในประเทศ หรือนอกประเทศ โดยเฉพาะสำหรับคนที่ยื่นมาจาก offshore เท่าที่คุณหมอวีซ่ากลับออสเตรเลีย มาในช่วงสิ้นปี ก็จูงมือพาแฟนมาพบทั้งที่ Sydney และ Melbourne เป็นสิบๆรายเลยค่ะ ซึ่งทุกคนต่างก็อยากจะยื่นวีซ่าพาคนรักมาจากเมืองไทยมาทั้งนั้น เนื่องจากวีซ่าคู่รักกำลังเป็นที่นิยม บทความฉบับนี้ คุณหมอวีซ่าจึงอยากนำเสนอเรื่องวีซ่าคู่รัก ซึ่งมีทั้งหมด 3 ประเภทด้วยกัน ตามข้างล่างนี้
ในประเภทของวีซ่าที่สมัครมาจากประเทศไทย เราจะเรียกว่า Partner Temporary Offshore – sc 309 และ Partner Permanent Offshore – sc 100 ซึ่งวีซ่าประเภทนี้ เป็นวีซ่าสำหรับคู่แต่งงาน หรือสำหรับคู่รักที่อยู่กินฉันท์สามี-ภรรยา เป็นเวลา 12 เดือน โดยทำการยื่นเรื่องมาจากประเทศไทยผ่านสถานทูตค่ะ แต่ในส่วนชองวีซ่า Prospective Marriage Visa – sc 300 นั้นถือเป็นวีซ่าคู่หมั้น โดยจะต้องทำเรื่องมาจากประเทศไทยเช่นเดียวกัน ซึ่งหลังได้วีซ่าเข้าออสฯแล้ว จะต้องแต่งงานภายใต้ 9 เดือนนับจากเดินทางมาถึงออสเตรเลีย หลายๆคนชอบถามคุณหมอวีซ่า แล้วข้อแตกต่างระหว่างวีซ่าที่ยื่นที่ออสเตรเลีย กับวีซ่าที่ยื่นที่เมืองไทยต่างกันอย่างไร คุณหมอวีซ่าขอตอบตรงนี้เลยว่าไม่ต่างกันค่ะ หลักฐานในการยื่นสมัครวีซ่าคู่ครองนั้นเหมือนกันเกือบทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของหลักฐานการกินอยู่ ใบทะเบียนสมรส ใบรับรองความสัมพันธ์ เป็นต้น ซึ่งทั้งสองฝ่ายไม่ว่าจะเป็น ฝ่ายชาย – หญิง ฝ่ายชาย – ชาย หรือฝ่ายหญิง – หญิง ก็ต้องมีหลักฐานในเรื่องของ การพึ่งพาทางการเงิน ทางสังคม ความผูกพันธ์ แผนการในอนาคต ฯลฯ ซึ่งทุกปัจจัยเป็นปัจจัยหลักที่ล้วนใช้เป็นเกณฑ์การพิจารณาของทางเจ้าหน้าที่อิมมิเกรชั่นว่าจะผ่านวีซ่าแก่เราหรือไม่ ที่สำคัญ ความสัมพันธ์ต้องเป็นจริงนะคะ อย่าไปสร้างเรื่องสร้างหลักฐาน จ้างแต่งไปหลอกอิมฯเลยค่ะ หากถูกจับได้ โทษจะหนักมาก และเป็นการตัดอนาคตตัวเองแท้ๆ ในช่วงนี้ที่ วีซ่านักเรียนนั้นออกให้ได้ยากแสนยาก วีซ่าคู่ครองก็ถือเป็นวีซ่าที่เป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับคนที่มีแฟนและอยากจะได้พีอาร์ในออสเตรเลีย วีซ่าคู่ครองนั้นอนุญาติให้ทำงานได้ไม่จำกัดชั่วโมง ได้รับสิทธิในการใช้ medicare ทันที และได้รับสิทธิในการเรียนภาษาฟรี 500 ชั่วโมง สิทธิประโยชน์ตรงนี้ถือเป็นสิทธิที่ทางรัฐบาลออสเตรเลียมอบให้กับคู่ครองของคนออสเตรเลียทั้งหลายทันที
คุณหมอวีซ่าเองดีใจทุกครั้งที่สามารถทำวีซ่าผ่านให้กับลูกค้าทั้งหลาย อิมฯมีลงข้อความไว้ในฟอร์มเกือบทุกฟอร์มว่า การยื่นวีซ่าไม่จำเป็นต้องใช้ตัวแทน แต่ถ้าจะใช้ ก็ควรเลือกใช้ตัวแทนที่ขึ้นทะเบียนเป็น Migration Agent ไว้กับทาง MARA (Migration Agents Registration Authority) เนื่องจากอาชีพสายนี้ได้กลายเป็นอาชีพเฉพาะทางที่ต้องอาศัยความรู้ ประสบการณ์ และความำนาญพิเศษมากๆ ทำนองเดียวกับหมอ ทนายความ เป็นต้น การเดินเรื่องผิดแนว มักส่งผลให้วีซ่าถูกปฏิเสธ และกระทบการอยู่หรือไปของคนๆหนึ่งเลยทีเดียว ยกตัวอย่างเช่น
- น้องบี (นามสมมุติ) - ที่มาหาคุณหมอวีซ่าก็ตอนเมื่อสายเสียแล้ว น้องคนนี้มีหลักฐานการกินอยู่กับแฟนมาแล้วกว่า 9 เดือนแต่ว่าทางเอเจนท์แนะนำให้ต่อวีซ่านักเรียน เพราะว่าทั้งสองฝ่ายจะยื่นหลักฐานได้ก็ต่อเมื่อครบ 12 เดือน และในตอนนี้ก็โดนปฏิเสธวีซ่านักเรียนเรียบร้อยเพราะไม่ผ่านกฎเกณฑ์ GTE เห็นมั้ยคะว่ากฎ GTE นั้นแสนจะยุ่งยากแค่ไหน แทนที่จะสามารถยื่นวีซ่าคู่ครองที่ออสเตรเลียได้โดยไม่ต้องกลับไทยและไม่มีประวัติเสีย แต่ในตอนนี้กลับต้องไปยื่นที่ไทย แถมอาจโดนสถานทูตที่ไทยเพ่งเล็งอีก เพราะมีประวัติการโดนปฏิเสธวีซ่านักเรียนมาก่อน
- อีกเคสหนึ่งของน้องซี (นามสมมุติ) น้องคนนี้เองก็โดนเอเจนท์คนเก่าทำเคสเสียมาก่อน น้องคนนี้ในตอนแรกถือวีซ่านักเรียนมาก่อน และได้มาแต่งงานกับคนออสเตรเลีย แต่สุดท้ายสปอนเซอร์ก็หายตัวไป ซึ่งน้องคนนี้ก็เข้าใจตลอดมาว่าเรื่องตอนที่เค้าสมัครวีซ่าคู่ครองไปในตอนแรกนั้นถอนไปเรียบร้อยแล้ว แต่เอเจนท์คนก่อนก็ไม่ได้ติดต่ออะไรมา พอมารู้อีกทีว่าเคสโดนปฏิเสธ น้องคนนี้ก็กลายเป็นอยู่อย่างผิดกฎหมายไปโดยไม่รู้ตัว ในตอนแรกที่น้องคนนี้มาหาคุณหมอวีซ่า น้องเค้ากลัวมากเพราะได้เสียเงินไปเป็นหมื่นๆให้กับเอเจนท์คนเก่า แต่ก็ไม่ได้อะไรมาเลย จนมาถึงคุณหมอวีซ่า ซึ่งคุณหมอวีซ่าช่วยให้เค้าได้วีซ่าคู่ครองยื่นตรงจากไทย โดยใช้เวลาเพียงแค่ 6 เดือนเท่านั้นก็สามารถได้วีซ่าทีอาร์กลับมาอยู่ที่นี่กับแฟนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และตอนนี้ทั้งสองก็กำลังจะทำธุรกิจร้านกาแฟร่วมกันอย่างมีความสุขค่ะ
ก่อนจบคุณหมอวีซ่าก็ขอย้ำอีกครั้งนะคะ ว่าการเลือกใช้เอเจนท์ที่ดีนั้นมีชัยไปกว่าครึ่งแล้วค่ะ ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2555 นี้ ทางซีพี อินเตอร์จะจัดงาน Partner Visas Seminar ซึ่งจัดกันมาเป็นประจำทุกปี และประสบความสำเร็จมาทุกปี โดยได้รับความอุปการะและสนับสนุนจากสถานกงสุลใหญ่ประจำนครซิดนีย์ในการขนหน่วยเคลื่อนที่จากสถานกงสุลฯมาให้บริการรับจดทะเบียนสมรสให้แก่คู่บ่าวสาวประชาชนชาวไทย และเทศ (ที่แต่งกับไทย) นอกสถานที่ ซึ่งในปีนี้สถานที่จัดงานเปลี่ยนจากชั้นล่างของตึก Labour Council Building มาเป็นโรงแรม Metro Sydney Central ตรงไทยทาวน์นั่นเองค่ะ และในปีนี้ทางซีพี อินเตอร์ก็ขอจัดตามความเรียกร้องอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งภายในงานก็จะมีกิจกรรมสนุกๆใหม่ๆมากมาย รวมทั้งมาชมวิธีการเตรียมงานแต่งงานอย่างประหยัดและได้ผล และ ฟัง seminar บรรยายโดยคุณหมอวีซ่าโดยตรง ใครมีข้อสงสัยในเรื่องของประเด็นใดๆที่เกี่ยวกับวีซ่าคู่รัก มาที่งานนี้งานเดียวรับทราบทุกคำตอบค่ะ และพิเศษสุดๆสำหรับคู่รักที่ลงทะเบียนจดทะเบียนในงานลุ้นรับรางวัลพิเศษจากซีพี อินเตอร์ และสปอนเซอร์แสนใจดีของเราอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีโปรโมชั่นพิเศษ สำหรับลูกค้าที่เริ่มเคส partner visa กับซีพี อินเตอร์ภายในสิ้นเดือนมีนาคม รับไปเลยส่วนลด 10% สำรองที่นั่งหรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ tob@cpinter.com.au และ tug@cpinter.com.au หรือจะโทรมาที่ 02-9267-8522 งานดีๆ อย่างนี้ ห้ามพลาดเด็ดขาดค่ะ
มั่นใจในคุณภาพอันเป็นเลิศของ CP International...