
สมัยก่อนใครที่อยากจะเข้าไปดูงานแสดงสีในคืนส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ที่บริเวณ Habour ไม่ต้องเสียเงินสักเหรียญเดียว แต่เดี๋ยวนี้ที่ไหนๆก็ถูกจัดให้เช่าสำหรับเป็นที่จัดงาน ประชาชนจะต้องเสียเงินเข้าชมกันอย่างราคาไม่น้อยทีเดียว ใครที่ไม่มีเงินก็ไม่สามารถเข้าไปดูพลุไฟใกล้ๆได้ ธุรกิจในรูปแบบนี้ เริ่มค่อยๆมีออกมาให้เห็นเรื่อยๆ ภายใต้การบริการที่ไม่ต่างกับชั้นที่นั่งของสายการบินที่มีตั้งแต่ ระดับ First Class ไปจนถึงชั้นธุรกิจและชั้นประหยัด
#news#
ผู้ที่ยอมจ่ายเงินก้อนโต ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องต่อแถวรอคิวให้ยาวเหยียดเหมือนคนอื่นๆ แถมยังได้ดูวิวแบบไม่มีอะไรบังอีกด้วย สถานที่ๆมีราคาแพงหูฉี่นั้น มีเหล้าเสริฟแบบไม่อั้น มีพ่อครัวชื่อดังมาทำอาหารให้รับประทาน มีดีเจเปิดเพลงและ พื้นที่ให้ออกมาเต้นรำกันอย่างสนุกสนาน
เจ้าของพื้นที่โดยรอบ Habour ไม่ว่าจะเป็น Opera House, Royal Botanic Gardens และตามเกาะต่างๆโดยรอบ ออกมาชี้แจงว่าการจัดงานในเชิงธุรกิจรูปแบบดังกล่าวนั้น ช่วยทำให้สามารถมีรายได้ที่จะต้องนำไปทะนุบำรุงสถานที่ เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้ามาได้ฟรีๆในโอกาสอื่นๆ เพราะมีค่าใช้จ่ายในการดูแลสูง
การเปิดให้ใช้พื้นที่ลักษณะนี้ได้เริ่มขึ้นในปี 1997 เป็นครั้งแรกโดยประชาชนที่อยากจะเข้าชมพลุปีใหม่บนเกาะ Fort Dension, Goat Island, Shark และ Clark จะต้องซื้อตั๋วในราคาระหว่าง 25-55 เหรียญ และในตอนนี้ราคาได้เพิ่มมากขึ้นมาอยู่ทีระหว่าง 170-1,000 เหรียญต่อคนเลยทีเดียว หน่วยงาน Department of Environment, Climate Change and Water เองก็ได้ออกมากล่าวว่าการเก็บเงินเพื่อเข้าชมจากประชาชนทำให้สามารถควบคุมจำนวนประชาชนที่จะเข้ามา และช่วยลดต้นทุนในการดูแลความเรียบร้อยของสถานที่ได้
แม้แต่ทาง Royal Botanic Gardens Trust ซึ่งไม่มีเงินบริหารมากนักก็ได้หาเงินด้วยการขายตั๋วในคืนส่งท้ายเช่นเดียวกันสำหรับผู้ที่จะเข้าไปใช้พื้นที่ในบริเวณ Bennelong Lawn ด้านหลังของ Opera House ซึ่งปรกติจะเปิดให้ประชาชนเข้าโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น