2025-05-18

ไข่กับกระต่ายมีความหมายอย่างไรในวัน Easter




วันอีสเตอร์เป็นวันที่คริสเตียนฉลองการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์ ซึ่งในหลายๆ ประเทศใช้ไข่และกระต่ายเป็นสัญลักษณ์ของการเฉลิมฉลอง การฉลองอีสเตอร์จะมีขึ้นในวันอาทิตย์แรก หลังพระจันทร์เต็มดวงในวันวิษุวัต (วันที่มีกลางคืนและกลางวันเท่ากัน) ในฤดูใบไม้ผลิของทุกปี ที่เรารู้กว้างๆ คือ เป็นวันอาทิตย์ช่วงเดือนมีนาคมและเมษายน 

 

 

  • ไข่กับกระต่ายเกี่ยวอะไรกับวันอีสเตอร์ ?

 

ในวันที่พระเยซูฟื้นขึ้นจากความตายและออกมาจากอุโมงค์ฝังศพ พระองค์กับเหล่าสาวกเล่นกับกระต่าย หรือต้มไข่กินกันอย่างนั้นหรือ? ไม่ใช่เลย! เหล่าสาวกไม่ได้ใช้ไข่หรือกระต่ายมาร่วมฉลองการฟื้นคืนพระชนม์ของพระคริสต์ แต่ทั้งสองสิ่งนี้เป็นประเพณีจากศาสนาอื่น ๆ และถูกนำมาเสริมเข้าไปในการเฉลิมฉลองวันอีสเตอร์ของคริสเตียนในภายหลัง

 

ในซีกโลกฝั่งตะวันตก เมื่อสิ้นฤดูหนาวก็จะเป็นฤดูใบไม้ผลิซึ่งเป็นช่วงเวลาของการเพาะปลูกและการเริ่มชีวิตอันสดใสอีกครั้งหลังจากความหนาวเหน็บในฤดูหนาวได้ผ่านพ้นไป หลายๆ ศาสนาในสมัยโบราณมีประเพณีการฉลองฤดูใบไม้ผลิ การฉลองดังกล่าว คือ เทศกาลแห่งการกินดื่มและขอพรให้เกิดความอุดมสมบูรณ์ ด้วยเหตุผลที่ว่า ไข่เป็นสัญลักษณ์ของชีวิตใหม่ ส่วนกระต่ายนั้นเป็นที่รู้กันว่ามีลูกดกและแพร่พันธุ์เร็ว ทั้งไข่และกระต่ายจึงเป็นสัญลักษณ์ของทั้งชีวิตใหม่และความหวัง คริสเตียนในประเทศตะวันตกจึงนำเอาไข่และกระต่ายมาใช้เป็นสัญลักษณ์ของชีวิตใหม่แห่งการฟื้นคืนพระชนม์ของพระคริสต์

 

แม้คริสเตียนบางคนจะสอนลูกหลานว่าไข่และกระต่ายเป็นสัญลักษณ์ของชีวิตใหม่ในพระคริสต์ แต่ก็มีคนจำนวนมากไม่รู้ว่าทั้งสองสิ่งนี้เกี่ยวข้องกับพระเยซูด้วยเรื่องอะไร แต่ก็สนุกสนานกับการเอาไข่มาทาสีและให้ช็อคโกแล็ตที่ทำเป็นตัวกระต่ายแก่บุตรหลานของตนในเทศกาลอีสเตอร์ มีคนมากมายทั้งคริสเตียนและไม่ใช่คริสเตียนที่ร่วมเล่นเกมซ่อนไข่อีสเตอร์เพื่อให้เด็กๆ ค้นหาเพียงเพราะเห็นว่าเป็นเรื่องสนุก เด็กจำนวนมากจึงคิดว่าวันอีสเตอร์คือวันที่จะต้องมีไข่ กระต่ายและขนมลูกอมหวานๆ เท่านั้น พวกเขาไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซู

 

ด้วยเหตุนี้เอง คริสเตียนหลายคนจึงไม่ชอบให้มีไข่หรือกระต่ายในเทศกาลอีสเตอร์ คริสเตียนบางคนยังกล่าวด้วยว่าเราควรหลีกเลี่ยงการใช้ไข่และกระต่ายในวันอีสเตอร์ เพราะธรรมเนียมเหล่านี้มาจากศาสนาอื่นซึ่งเกี่ยวข้องกับการนับถือรูปเคารพ พวกเขาย้ำว่าวันอีสเตอร์คือวันของพระเยซู ไม่ใช่วันของไข่และกระต่ายรวมทั้งธรรมเนียมอื่นๆ ที่ไม่ใช่ของคริสเตียน

 

สิ่งเหล่านี้หันเหความสนใจของเราไปจากความหมายที่แท้จริงของอีสเตอร์และไม่เป็นการถวายเกียรติแด่พระเจ้า สิ่งเหล่านี้ขโมยความสนใจของเราไปจากการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์ และทำให้วันอีสเตอร์เป็นเพียงวันหยุดประจำปีที่สนุกสนานเท่านั้น 

 

 

คำว่าอีสเตอร์ไม่ได้ ปรากฏในพระคัมภีร์ก็จริง แต่เรื่องราวและความหมายปรากฏชัดมาก นั่นคืออีสเตอร์ถูกนำมาใช้เรียกเทศกาลเฉลิมฉลองการที่ “พระเยซูคริสต์ทรงเป็นขึ้นจากความตาย” นาม อีสเตอร์นี้ได้มาจากชื่อของเทพธิดาหรือพระแม่เจ้าแห่งฤดูใบไม้ผลิ ของพวกแองโกลแซงซอนที่นามว่า “Eastre” ซึ่งคำนี้เข้าใจกันว่ามาจากภาษาเยอรมันโบราณ คือ Eostarun แปลว่า “รุ่งอรุณ” และเข้าใจว่าการฉลองการคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์เกี่ยวกับฤดูใบไม้ผลินั่น เหมาะสมเพราะ...

      

           1. วันอีสเตอร์อยู่ในฤดูใบไม้ผลิ (ระหว่างเดือนมีนาคม และเมษายน )
           2. ฤดูใบไม้ผลิเป็นสัญลักษณ์ของชีวิตใหม่ ต้นไม้ใบไม้ที่ดูเหมือนตายในฤดูหนาว
               กลับผลิใบออกดอกดุจเกิดใหม่ ดังนั้นจึงเป็นภาพที่เหมาะสมที่จะพรรณาถึงการ
               กลับเป็นขึ้นจากความตายของพระคริสต์

 

เทศกาลอีสเตอร์เป็นวันแห่งความปีติที่ชาวคริสต์เฉลิมฉลองการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซู แค่สองพันปีที่ผ่านมานี้มีธรรมเนียมประเพณีใหม่ๆ ถูกผนวกเข้าไว้มากมาย บ้างเป็นประเพณีทางศาสนา และบ้างก็เป็นประเพณีเพื่อความสนุกสนาน แต่อีสเตอร์ยังเป็นช่วงเวลาที่ทุกคนในครอบครัวมารวมตัวกันเพื่อเฉลิมฉลองการมาถึงของฤดูใบไม้ผลิด้วย ฤดูกาลที่ชีวิตใหม่เกิดขึ้นหลังความหนาวเย็นของฤดูหนาว

 

 

 

ที่มา : dahlfred.com

Natui Website 2016-03-16 03:39:14 17963