
จำนวนโรคติดต่อทางเพศได้เพิ่มมากขึ้นในรัฐ New South Wales เป็นอย่างมากจนทำให้รัฐบาลรัฐ New South Wales ต้องออกมารณรงค์การมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัยในกลุ่มวัยรุ่นให้มากขึ้น
เมื่อปีที่แล้วมีผู้ติดเชื้อ แบคทีเรีย (Chlamydia), โรคหนองใน และ ซิฟิลิส รวมไปถึงเอดส์เพิ่มรวมๆแล้วทั้หมด 17,000 คน และจำนวนของผู้ป่วยกว่าครึ่งเป็นเยาวชน 18-25 ปี
ผู้เชี่ยวชาญสุขภาพทางเพศ ออกมาเปิดเผยว่าจำนวนผู้ที่ติดเชื้อที่ไม่ได้รับการรายงานในความเป็นจริงนั้นอาจจะมีอยู่มากกว่านี้เนื่องจากอาการของโรคเหล่านี้มักจะไม่ปรากฎให้เห็นอยางเด่นขัด
รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข NSW, John Della Bosca กล่าวว่ารัฐ NSW ได้ออกมารณรงค์ในหัวข้อ “Get tested, play safe” ซึ่งจะมีการนำข้อมูลเกียวกับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ อาการและการรักษา และเรียกร้องให้เยาวนที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้มีการป้องกัน ไปพบแพทย์เพื่อหาร่องรอยของโรคเหล่านี้
โรคติดต่อทางเพศที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียเพิ่มมากขึ้นในรัฐ NSW จาก 3,489 ในปี 2000 ไปเป็น 13,994 คนในปี 2008 ส่วนซิฟิลิสได้เพิ่มมากขึ้นเป็น 2 เท่าจาก 577 ไปเป็น 1,030 คนในระยะเวลาเดียวกัน
#news#
ส่วนการติดเชื้อ เอดส์นั้นลดลงไปเป็นที่ 322 รายเมื่อปีที่แล้วลดลงมาจากเมื่อก่อนในปี 2003 ที่ 412 ซึ่งเป็นช่วงที่ผู้ติดเชื้อเอดส์มีมากที่สุด อย่างไรก็ตาม ก็ไม่ได้หมายความว่าอัตราการติดเชื้อเอดส์ในรัฐเองนั้นจะลดลงไปจริง เนื่องจากมีประชาชนที่ติดเชื้อไม่ได้ผ่านการตรวจในรัฐ NSW และทำให้สถิตติดูน้อยลง
หัวหน้าหน่วยงานสาธารณสุข Kerry Chant ออกมากล่าวว่าจำนวนประชาชนที่ถูกตรวจพบว่าติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มากขึ้น ยังเป็นผลมาจากการเข้าตรวจที่มีมากขึ้นของประชาชน หลังจากแพทย์ได้แนะนำให้ประชาชนหมั่นตรวจสุขภาพตัวเองอยู่เสมอ โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นวัยคะนอง
นอกจากนี้เลขาธิการรัฐสภาด้านสาธารณสุข Mark Butler กล่าวด้วยว่าจากการวิจัยยังพบอีกว่าวัยรุ่นชาย หญิงแท้ ใช้ถุงยางเพียงเพราะไม่ต้องการท้องเท่านั้น ในขณะที่กลุ่มรักร่วมเพศชาย มีความเกรงกลัวต่อการติดเชื้อเอดส์น้อยลง