ดิฉันเชื่อว่า Home Loan มันก็เหมือนหลายๆเรื่องรอบตัวเรานี่แหละ – ตอนที่วางแผนไว้ อะไรๆมันก็ราบรื่น สวยงามไปซะหมด.. แต่ระหว่างทาง กว่าจะผ่อนหมดครบ 30 ปีนี่อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น...

ไม่ว่าจะเป็นงานเหมืองที่เคยได้เงินดีแสนดี จู่ๆก็เกิดจะไม่ค่อยดีเอาซะดื้อๆ.. หรือจากครอบครัวที่เคยทำงาน 2 คน มีรายได้ 2 ทาง เกิดมีลูกขึ้นมา อาจจะเหลือรายได้แค่ทางเดียวไปพักใหญ่ๆ... หรือบางคนทำงานให้คนอื่นมาเป็นสิบๆปี วันดีคืนดีเกิดอยากจะมีธุรกิจเป็นของตัวเอง แน่นอนว่ารายได้ที่เคยเข้ามาแบบสม่ำเสมอทุกๆเดือน ก็อาจจะเข้าๆออกๆ กลายเป็นระบบเงินหมุนกันไป... หรือเจ้าของร้านอาหารบางคนรายได้ดีงามมาตลอด การเงินมั่นคง แต่โชคร้ายโดน ATO เข้าตรวจสอบ ลำพังแค่จ่ายค่าปรับย้อนหลังยังไม่เท่าไหร่ แต่การโดนเพ่งเล็งถึงตัวเลขในอนาคตด้วย นี่ก็ทำให้เจ้าของธุรกิจ ‘เซ’ ได้เหมือนกัน.....
ไม่ว่าจะเป็นการ ‘สะดุด’ หรือ ‘หยุด – ย่อ’ เพื่อรอจังหวะ ‘กระโดด’ ก็ตาม.. แต่เอาเป็นว่า ถ้าคุณกำลังรู้สึก ‘ตึง.. ตึ๊ง... ตึง... !!!’ จนถึงขั้นผ่อนแบ้งค์ต่อไปไม่ไหวแล้ว สิ่งที่คุณควรทำมีดังต่อไปนี้ค่ะ
1. ปรึกษาโบร๊คเกอร์ก่อนเลยค่ะ เพราะอาจจะมีการปรับ loan structure บางอย่างที่โบร๊คเกอร์สามารถช่วยได้ เช่น ถ้าผ่อนบ้านมาแล้ว 20 ปีเหลืออีกแค่ 10 ปีกับหนี้ $100,000 ตอนนี้จ่ายอยู่เดือนละ $1,061… ถ้าดิฉันเอาหนี้ $100,000 ไปรีไฟแนนซ์ใหม่ ขอจ่ายอีก 30 ปีก็จะเหลือภาระแค่เดือนละ $537 เท่านั้น... หรือใครที่มี equity ในบ้านเหลือเยอะๆ เช่น ซื้อมา $500,000 ตอนนี้ราคาประเมิณ $700,000 ดิฉันอาจจะสามารถทำ cash out ออกมาได้ซักแสนนึง เรียกว่าเอามา “กันเหนี่ยว” ไว้ก่อน อย่างน้อยก็มั่นใจได้ว่ามีเงินจะมีเงินพอส่งแบ้งค์ไปได้อีก 3 ปี... หรือใครที่กำลังจ่ายแบบ Principle & Interest อยู่ ก็อาจจะปรับเป็น Interest Only ซัก 3-5 ปีก่อนแล้วค่อยกลับมาจ่าย Principle & Interest อย่างเดิมทีหลัง...
2. ติดต่อแบ้งค์เพื่อยื่น Hardship Notice - ถ้าโบร๊คเกอร์เองก็จนปัญญา หมดวิทยายุทธิ์ที่จะช่วยแล้ว.. ขั้นตอนต่อไปก็คือ เผชิญหน้าเข้าไปคุยกับแบ้งค์ตรงๆ บอกเค้าไปว่าตอนนี้เรากำลังเจออะไรอยู่.. แล้วเราวางแผนที่จะช่วยเหลือตัวเองยังไง.. แล้วก็อยากให้แบ้งค์ช่วยอะไร... ความสัมพันธ์ระหว่างแบ้งค์กับลูกค้าก็ไม่ต่างจาก ‘เจ้าหนี้-ลูกหนี้’ ทั่วไป ที่สามารถตกลง ประนีประนอมกันได้เพื่อให้ได้ประโยชน์ด้วยกันทั้ง 2 ฝ่าย... ทางที่ดีก่อนที่จะเข้าไปหาแบ้งค์ คุณควรที่จะเตรียมคำตอบไว้ล่วงหน้า โดยการสมมุติเล่นๆว่าถ้าคุณเป็น ‘เจ้าหนี้’ แล้ว ‘ลูกหนี้’ แบบไหนที่คุณอยากจะช่วย ???
ถ้าลูกหนี้ของคุณ ตกงาน เมียทิ้ง ติดเหล้า ติดการพนัน แถมยังตรวจเจอมะเร็งต่อมลูกหมากระยะสุดท้าย จนทำให้ไม่สามารถผ่อนบ้านต่อไปได้... ถ้าเป็นเจ้าหนี้ คุณจะอยากประนีประนอมด้วยมั๊ย?? ถ้าเป็นดิฉันคงบอกให้เค้าขายบ้าน แล้วเอาเวลาไปรักษาสุขภาพตัวเองเถอะค่ะ... แต่ถ้าคุณแค่แขนหัก ทำงานไม่ได้ 3 เดือน.. บังเอิญไม่ได้ทำ income protection ไว้.. แล้วก็ต้องใช้เงินเก็บในชีวิตประจำวันระหว่างที่รักษาตัว.. และแน่นอนว่าหลัง 3 เดือนนี้คุณจะสามารถกลับมาทำงานได้ตามปกติ... โดยมีจดหมายรับรองจากแพทย์และจากที่ทำงานให้ด้วย... เอ่อ.. ลูกหนี้แบบนี้มันน่าให้โอกาสกว่ามั๊ย??
อย่าลืมนะคะ แบ้งค์ไม่ใช่องค์กรสังคมสงเคราะห์ แต่เป็นธุรกิจระดับมหหาชนที่มีผู้ถือหุ้นจากทั่วโลก ที่ควรจะมีกำไร และจำเป็นต้องรายงานผลกำไรให้กับผู้ถือหุ้นทุกๆ 3 เดือน.. เพราะฉะนั้นเวลาคุยกับแบ้งค์ก็อย่าไปดราม่าเยอะค่ะ การร้องไห้ฟูมฟายไม่สามารถช่วยอะไรคุณได้ ทางที่ดีคุยกันแบบนักธุรกิจดีกว่า.. โอเค ไอเป็นลูกหนี้ ไอมีปัญหา ถ้ายูช่วยไอ ยูจะได้มากกว่าการเอาบ้านไอไปขายทอดตลาดแน่นอน เพราะเหตุผล 1.. 2… 3…. 4…. อะไรก็ว่าไป....
ตามกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคแล้ว แบ้งค์มีเวลา 21 วันในการพิจารณาเรื่อง.. ถ้าเค้าขอเอกสารเพิ่มเติม ก็ยืดเวลาออกไปอีก 21 วัน.. แต่ถ้าไม่ต้องการเอกสารอะไรแล้ว แบ้งค์จะตอบคุณกลับมาภายใน 21 วันว่าเค้าตกลงที่จะช่วยคุณรึเปล่า?? แล้วจะช่วยเหลืออะไรได้บ้าง?? และถ้าไม่ช่วย เหตุผลคืออะไร??
3. โทรหา Financial Counselling Hotline ที่เบอร์ 1800 007 007 – ถ้าแบ้งค์เองก็ยังส่ายหน้า ที่พึ่งที่สุดท้ายก็คงจะเป็นที่ปรึกษาด้านการเงินและนักกฏหมายที่จะช่วยให้ข้อมูลในเรื่องของ “สิทธิ์” ของผู้กู้ว่าสามารถทำอะไรได้บ้าง จากมุมมองของนักกฎหมาย.... เบอร์นี้นอกจากจะให้คำแนะนำเรื่องของ Home Loan แล้วยังสามารถช่วยให้คำแนะนำเกี่ยวกับปัญหาการเงินเรื่องอื่นได้ด้วย เช่น บิลค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ฯลฯ แถมยังเป็นบริการฟรีอีกด้วยค่ะ
ถ้าใครมีปัญหารีบทำตาม 3 ขั้นตอนข้างบนนี่เลยนะคะ – ถ้าคุณปล่อยปัญหาไว้เฉยๆโดยที่ไม่ได้ทำอะไรเลย ผลกระทบที่ตามมามันหนักหนากว่าแน่นอน ทั้งในเรื่องของ (1) ค่าปรับที่แพงมาก (2) ดอกเบี้ยทบต้น-ทบดอกที่แพงอีกเหมือนกัน (3) โดนยึดบ้านไปขายทอดตลาด แล้วแถมยังต้องตามไปจ่ายค่าใช้จ่ายในข้อถัดด้วย(4) คือ ค่าศาล ค่าทนาย ค่าใช้จ่ายในการยึดบ้านเราไป !!!
ที่ New Era Finance เราอยู่กับ ‘สินเชื่อ’ ทุกวัน.. ไม่ว่าจะเป็นการซื้อบ้านใหม่ หรือรีไฟแนนซ์บ้านเก่า... การปรับ loan structure สำหรับผู้ที่ต้องการลดภาระการผ่อนลง.. และอื่นๆอีกมากมาย...
ถ้าเป็นเรื่อง สินเชื่อ ปรึกษาดิฉันสิคะ 0467 662 431 (ตุล)
ที่มา : New Era Finance