ประชาชนกว่าครึ่งล้านทั่งประเทศออสเตรเลียถูกวินิจฉัยผิดจนคิดว่าพวกตนนั้นเป็นมะเร็งลำไส้ ด้วยเครื่องมือตรวจมะเร็งด้วยตนเองเบื้องต้น ส่วนประชาชนกว่า
100,000 คนที่ได้ใช้อุปกรณ์ตรวจและไม่พบว่าเป็นมะเร็งนั้นอาจจะต้องทำการตรวจร่างกายอีกครั้ง
โครงการตรวจหาร่องรอยมะเร็งของรัฐบาลมูลค่ากว่า 43 ล้านเหรียญซึ่งได้มีการนำมาใช้ตั้งแต่ปี 2006 ล้มพังไม่เป็นท่าหลังจากที่ได้มีการตรวจสอบอุปกรณ์จนทำให้ทราบได้ว่าไม่มีความเหมาะสมที่จะใช้ทดสอบกับประชาชนชาวออสเตรเลีย และผลที่ออกมาจากการใช้อุปกรณ์นั้นแสดงผลออกมาเป็นลบมากเกินไป
ประชาชนกว่า 457,000 ที่ได้รับชุดอุปกรณ์ตรวจมะเร็งเบื้องต้นตั้งแต่เดือนธันวาคมปีที่แล้ว ที่ผลิตขึ้นในประเทศญี่ปุ่นโดยบริษัท Fujirebio Diagnostics โดยใช้สารละลายที่ไม่สามารถทนกับสภาพอากาศอบอุ่นได้
ประชาชนที่ได้รับชุดทดสอบนั้นจะต้องได้รับอุปกรณ์ทดสอบตัวใหม่และประชาชนทั้งหมด 108,000 คนที่ไม่พบว่าตัวเองนั้นเป็นมะเร็งจากการใช้ชุดทดสอบอันเก่านั้นจะต้องถูกทดสอบอีกครั้ง อย่างไรก็ตามอุปกรณ์การทดสอบที่ประชาชนได้ตั้งแต่เดือนธันวาคมปีที่แล้วนั้นไม่ได้รับผลกระทบในครั้งนี้
อุปกรณ์ทดสอบตัวใหม่อยู่ในระหว่างการพัฒนา แต่อาจจะต้องใช้เวลากว่าอีก 2-3 อาทิตย์ก่อนที่อุปกรณ์ตัวใหม่นี้จะสามารถนำมาใช้ได้
อย่างไรก็ตามแพทย์หลายต่อหลายคนได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์โครงการดังกล่าวกันอย่างมากมายว่าเป็นการสิ้นเปลืองเวลาและเงินโดยใช่เหตุ เนื่องจากอาการของมะเร็งในร่างกายกว่า 20% ที่เคยเกิดขึ้นมานั้นไม่ปรากฏอาการลักษณะคล้ายเลือดออกภายในและทำให้อุปกรณ์ทดสอบนั้นไม่สามารถตรวจพบได้ และทางรัฐบาลเองนั้นก็ไม่ได้สมทบเงินสนับสนุนที่ได้ให้ประชาชนนั้นทำการทดสอบอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้เกิดการผิดพลาดในครั้งแรก ซึ่งในบางรายอาจจะทำให้เกิดเนื้องอกร้ายแรงในภายหลังก็เป็นได้
ส่วนทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข Nicola Roxon ออกมากล่าววานนี้ว่าตนรู้สึกกังวลและไม่สบายใจเป็นอย่างมากและตนนั้นกำลังปรึกษาหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านการเงินและกฎหมายอยู่ในขณะนี้