นักวิจัยกล่าวว่าการท่องเที่ยวในเขต Northern Territory ของประเทศออสเตรเลีย นั้นได้รับผลกระทบอย่างจังจากสภาวะโลกร้อนโดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ชุ่มน้ำในวนอุทยานของ Kakadu National Park
จากการวิจัยจากคณะนโยบายเพื่อสังคมจากมหาวิทยาลัย Charles Darwin University (CDU) ได้พบว่าการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศอย่างฉับพลันนั้นอาจทำให้สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติระดับโลกหลายแห่งในประเทศนั้นต้องตกมาอยู่ในสภาวะความเสี่ยงอยู่มากไม่ว่าจะเป็นปรากฏการณ์น้ำท่วมในบริเวณที่มีภาพศิลปะของชาวอะบอริจิ้น หรือน้ำทะเลเข้าท่วมพื้นที่น้ำจืด
ศาสตราจารย์ด้านการท่องเที่ยว ดร Pascal Tremblay กล่าวว่าผลกระทบดังกล่าวนั้นจะเกิดขึ้นโดยตรงกับสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจของประเทศไม่ว่าจะเป็นอุณหภูมิที่สูงขึ้นหรือภัยธรรมชาติเช่นพายุหรือไซโคลนเป็นต้น
การศึกษาวิจัยระดับชาตินี้ได้เน้นไปที่ผลกระทบของสภาวะโลกร้อนที่อาจจะเกิดขึ้นกับพื้นที่ทางธรรมชาติของออสเตรเลียไม่ว่าจะเป็น Top End, Great Barrier Reef, Blue Mountains, Australian Alps และ Barossa Valley
ซึ่งการศึกษาดังกล่าวนั้นจะช่วยให้ประเทศออสเตรเลียนั้นสามารถวางแผนในการรับมือกับผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นกับการท่องเที่ยวในประเทศได้
ดร Pascal ยังได้กล่าวอีกว่าจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศนั้นประชาชนเตรียมตัวเจอกับลมฝนที่มีรูปแบบแตกต่างไปจากเดิมหรือสภาพอากาศที่เลวร้ายไปกว่านั้น ลักษณะรูปแบบการเปลี่ยนแปลงของฤดูฝนและฤดูร้อนยังมีการเปลี่ยนแปลงอีกด้วย
ความร้อนและความชื้นที่เพิ่มขึ้นนั้นจะทำให้เกิดผลกระทบต่อการท่องเที่ยวโดยเฉพาะสภาพอากาศที่เหนียวเหนอะนั้นจะทำให้เกิดความไม่สบายตัวต่อนักท่องเที่ยวซึ่งเป็นปัจจัยที่นักวิจัยนั้นให้ความสนใจเป็นพิเศษ
ดร Pascal กล่าวต่อไปว่าหากไม่มีการวางแผนและเตรียมตัวให้ดีแล้วนั้นการท่องเที่ยวนั้นจะไม่สามารถปรับตัวได้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติอย่างแน่นอน นอกจากนี้การวิจัยดังกล่าวจะช่วยให้ทราบถึงงบประมาณและความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจของ Northern Territory
