2025-12-05

วิธีเลือก Off-plan แบบมืออาชีพ




เมื่อวันเสาร์ที่แล้วดิฉันมีโอกาสไปงานสัมนาเรื่องการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ของ Homestates Realty มา... ซึ่ง (เผื่อใครยังไม่รู้) ปกติงานสัมนาประเภทนี้เค้าจะต้องขายของอยู่แล้วค่ะ!!! ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ดิฉันไปมาหมดทุกสัมนาเท่าที่เวลาและทุนทรัพย์จะเอื้ออำนวย ตั้งแต่ อีเบย์ หุ้น ค่าเงิน จิตวิทยานักลงทุน การพัฒนาตัวเอง แต่ที่ไปเยอะๆเลยก็เป็นเรื่อง property นี่แหละ

 

ซึ่งทุกงานเค้าก็จะมีแบบแผนคล้ายๆกัน คือ เริ่มต้นที่ปัญหา... สถาณการณ์ปัจจุบัน... เป้าหมายที่เราอยากไปถึง... แล้วก็กลับมาที่วิธีการ / ทางออก / สินค้า / บริการที่เค้าจะสามารถช่วยเราได้… เพื่อนดิฉันหลายคนบอกว่า เบื่อมากกก.. สุดท้ายก็งานขายของ... อ้าว!!! ถ้าเค้าเห็นปัญหา แต่ไม่มีทางออกให้ แล้วจะพูดให้มันจี๊ดขึ้นมาทำไม?!?! หรือถ้าเค้าเห็นปัญหา แนะนำทางออก แล้วให้เราไปใช้บริการคนอื่น เค้าก็ไม่ได้อะไรสิ !!! คือดิฉันมองว่าเรื่องแบบนี้มันควรจะต้อง win-win อยากขายอะไรก็ขายมาเลยค่ะ ดิฉันเป็นผู้บริโภคยุคใหม่ เติบโตมาพร้อมกับกูเกิ้ล สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติม และพิจารณาเองได้... ซื้อ-ไม่ซื้อก็อีกเรื่องนึง แต่รู้เยอะไว้ก่อนดีกว่าไม่รู้อะไรเลย เนอะ ^^

 

ปัญหาหลักอย่างนึงของคนออสเตรเลีย คือ ชีวิตหลังเกษียณค่ะ – แค่คิดว่า Centrelink ให้เงิน pension ปีละ $22,542 ต่อคน หรือ $33,982 ต่อคู่สามี-ภรรยา ในขณะที่ ASFA retirement standard บอกว่า จะใช้ชีวิตหลังเกษียณแบบสบายๆได้ เราควรจะมีปีละ $43,184 ต่อคน หรือ $59,236 ต่อคู่สามี-ภรรยา... แค่นี้ก็เริ่มจะหนาวๆร้อนๆแล้ว... นี่ยังไม่คิดเรื่องที่อายุเกษียณตอนนี้อยู่ที่ 65 แต่จะค่อยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนเป็น 67 ในปี 2023… กว่าจะถึงรุ่นดิฉัน มิต้องทำงานไปจนถึง 70 โน่นเหรอ??!?!?! แต่ก็ต้องขอบคุณรัฐบาลที่ให้ความสำคัญกับปัญหานี้พอสมควรและได้พยายามแก้ปัญหาให้พวกเราทุกคน...

 

โดยการเพิ่ม Superannuation Contribution เป็น 9.5% แล้วก็มีแผนที่จะเพิ่มเป็น 12% ภายในปี 2025 !!! ในส่วนของภาครัฐก็ปล่อยให้เค้าพยายามกันไป แต่ในส่วนของภาคเอกชน อย่างคุณกับดิฉัน.. ถ้าเรามีแผนเกษียณสำรองไว้เป็นของตัวเองก็ย่อมดีกว่าการเอาชีวิตหลังเกษียญทั้งหมดไปฝากไว้กับ Super และ Centrelink แน่นอน... ว่ามั๊ย?? แล้ว Property Investment ก็เป็นหนึ่งในแผนสำรองที่จะช่วยเราได้.. ใครสนใจอยากเม้าท์มอยต่อ โทรหาดิฉันได้ที่เบอร์ 0467 662 431 นะคะ ^^

 

กลับมาเรื่องงานสัมนาขายบ้านของ Homestates Realty กันต่อดีกว่า.. ดิฉันฟังสัมนาที่ทีมนี้จัดเป็นครั้งที่ 4 แล้วค่ะ แต่ก็ยังอดตื่นเต้นกับงานขายของเค้าไม่ได้ (ทุกครั้งเค้าก็จะมีข้อมูลใหม่ๆมาอัพเดท มีโครงการใหม่ๆมาขาย เนอะ) ยิ่งได้มีโอกาสเม้าท์มอยนอกรอบกับ team leader ของงานยิ่งรู้สึกเหมือนได้เปิดโลกทัศน์ขึ้นมาอีกระดับ เธอชื่อ คุณเจี๊ยบค่ะ... ลักษณะงานของคุณเจี๊ยบคนทั่วไปน่าจะเรียกกันว่า Sale แต่ในนามบัตรเธอเรียกตัวเองว่า Senior Property Specialist ดิฉันเห็นแล้วต้องรีบเข้าไปฝากเนื้อ-ฝากตัว.. ขอเรียนวิทยายุทธิ์จากมืออาชีพซักหน่อย... อยากรู้เหลือเกินว่าคนที่เรียกตัวเองว่าเป็น Property Specialist นี่เค้ามีวิธีเลือก Off-plan ยังไง?? เอาแบบถ้าคุณเจี๊ยบไม่ได้เป็นคนขาย.. แบบว่าถ้าเธอจะซื้อไว้ลงทุนเองซักห้องนึงนี่เธอจะดูอะไรบ้าง??? ว่าแล้วคุณเจี๊ยบเธอก็สาธยายมายาวเหยียด แต่ดิฉันพอจะสรุปประเด็นสำคัญๆมาได้ตามนี้ค่ะ

 

1. ดูที่ infrastructure เป็นอันดับแรก... รัฐบาลเอางบไปลงตรงไหนเยอะๆ พวกถนน สะพาน อุโมง รถราง รถไฟ อะไรพวกนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี เพราะเป็นไปได้มากว่าราคาบ้านแถวนั้นจะขึ้นเร็วกว่าที่อื่น... ที่เห็นชัดๆเลยน่าจะเป็นบ้านฝั่ง North Sydney ที่เมื่อก่อนถูกมาก แต่พอ Harbour Bridge สร้างเสร็จก็ขึ้น ราคาก็กระโดดดึ๋งๆขึ้นไปเป็นเท่าตัวภายใน 3-5 ปีเท่านั้น.. หรือ Anzac Bridge ที่ช่วยให้ Balmain กับ Rozelle ใกล้เมืองมากขึ้น ราคาก็ขึ้นตามไปด้วย... และตัวอย่างล่าสุดในซิดนีย์น่าจะเป็นโปรเจคสนามบินใหม่ กับการขยายเส้นทางรถไฟใหม่แถว Western Sydney ที่ทำให้บ้านแถว Parramatta กับ Liverpool ขึ้นไปตั้งแต่ยังสร้างไม่เสร็จเลยด้วยซ้ำ

 

2. ต่อไปก็เลือก Developer… หลังจากที่เลือกทำเลได้แล้ว ขั้นตอนต่อไปก็ต้องเลือก developer.. ซึ่งแน่นอนว่า suburb เกิดใหม่ หรือพื้นที่ไหนที่รัฐบาลเอางบไปลงเยอะๆ ก็มักจะมีหลายโครงการเกิดขึ้นพร้อมๆกัน... งานต่อไปก็ต้องไปหาข้อมูลเกี่ยวกับแต่ละโครงการ ดูว่า developer แต่ละคนมีชื่อเสียงมากน้อยแค่ไหน เคยสร้างตึกอะไรไว้ที่ไหนบ้าง.. การเลือก off-plan ต่างจาก second hand ก็ตรงที่มันยังไม่เสร็จนี่แหละ ในเมื่อเราดูงานที่ยังไม่เสร็จไม่ได้.. เราก็ต้องดูพวกที่มีผลงานย้อนหลังดีๆ เลือกเจ้าที่มีชื่อเสียงไว้ก่อน เพื่อความสบายใจ – ถ้าเป็น developer หน้าใหม่ หรือเจ้าเล็กๆนี่คุณเจี๊ยบจะมองข้ามไปเลยทันที.. เพราะมันไม่คุ้มที่จะเอาเงินตัวเองไปเสี่ยง เกิดเค้าสร้างไม่เสร็จ หรือเสร็จแล้วมีปัญหาโน่นนี่ตามมา มันจะวุ่นวายปวดหัวเอาซะเปล่าๆ

 

3. เธอเช็คกระทั่งโปรไฟล์ agent ที่ขายโปรเจค... เพราะถ้าได้เอเจ้นท์ไม่เก่ง ขายช้า งานเราก็เดินช้าไปด้วย... หรือถ้าขายไม่หมดซักที จนเจ้าของโครงการเสียเซล์ฟ เกิดมาลดราคาเอาทีหลัง ห้องที่เราจองไว้ก็จะพลอยเสียราคาไปด้วย... แต่ถ้าได้เอเจ้นท์เก่งๆ ยิ่งขายเก่งกว่าพวกคุณเจี๊ยบยิ่งดีเลย พอฝั่งคนขายก็แน่น ฝั่งคนซื้อก็แน่น โอกาสที่โครงการจะสะดุดก็น้อยลง... ซึ่งข้อมูลแบบนี้ลูกค้าทั่วไปไม่มีทางรู้เลย ต้องคนที่อยู่ในวงการเท่านั้นถึงจะมีข้อมูล “งั้นก็มาซื้อกับเจี๊ยบเถอะ” (ยิ้มอ่อน)

 

4. ไม่ใช่ว่าได้เอเจ้นท์เก่งแล้วจะอัพราคาได้ตามใจชอบ ขั้นตอนต่อไปก็ต้องไปต่อรองกับ developer... อาจจะ ขอส่วนลด.. ขอ rental guarantee... ขอม่านฟรี อะไรก็ว่าไป... ซึ่งก็อีกแหละ คนทั่วไปทำไม่ได้อยู่แล้ว.. “งั้นก็มาซื้อกับเจี๊ยบเถอะ เพราะพวกเจี๊ยบเป็นเอเจ้นท์ใหญ่ เราขายเยอะ เราสามารถต่อรองให้ลูกค้าได้” (กราบ!!! รู้แล้วว่าทำไมเธอถึงได้เป็น team leader.. เธอขายได้ทุกสถานการณ์จริงๆ)

 

สรุปง่ายๆเอาแบบที่คนธรรมดาทุกคนสามารถทำได้ก็น่าจะมีแค่เลือกทำเลที่กำลังจะมี infrastructure ไปลงกับดู developer ที่มีชื่อเสียง.. ต่อให้ข้อ 3-4 ไม่แน่น.. ขอให้ข้อ 1-2 เป๊ะไว้ก่อน.. ยังไงระยะยาวก็กำไรเห็นๆ.. ส่วนใครที่อยากได้ข้อ 3-4 ด้วย หรืออยากรู้ว่าเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาคุณเจี๊ยบเธอเอาอะไรมาขาย สามารถโทรไปถามเธอได้ที่เบอร์ 0431 535 240 เลยค่ะ

 

กลับมาที่งานขายของตัวเองกันบ้าง.... ที่ New Era Finance เราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน Home Loan ทุกประเภท.. ไม่ว่าจะเป็น off-plan หรือ second hand… จะซื้อไว้เพื่ออยู่อาศัยหรือการลงทุน... จะรีไฟแนนซ์เพื่อลดดอกเบี้ยหรือปรับปรุงกระแสเงินสด... ขอให้เป็นเรื่องสินเชื่อ โทรหาดิฉันสิคะ 0467 662 431 (ตุล)

 

 

ที่มา : New Era Finance

 

Natui Website 2016-02-28 23:02:10 3443