รัฐบาลออสเตรเลียต้องเผชิญหน้ากับภาระจ่ายเงินให้กับครัวเรือนในออสเตรเลียกว่า 1.6 พันล้านเหรียญต่อปีในการแก้ปัญหาราคาน้ำมันและพลังงานที่เพิ่มขึ้นภายใต้นโยบายลดปริมาณก๊าชคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศ (emissions trading system)
เงินที่จะต้องจ่ายในแต่ละปีเป็นจำนวนเงิน 500 ล้านเหรียญนั้นเพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้ที่มีฐานะยากจนและผู้สูงอายุเนื่องมาจากราคาค่าไฟฟ้าและแก้สที่เพิ่มสูงขึ้น
จากผลการศึกษาของ CSIRO พบว่ากระบวนการในการรักษาสิ่งแวดล้อมภายในประเทศนั้นมีค่าจ่ายสูงมาก และกระบวนการ emissions trading system ที่จะนำมาใช้ในปี 2010 เป็นต้นไปจะทำให้นคร
จากการศึกษาดังกล่าวยังพบอีกว่าค่าใช้จ่ายในแต่ละครัวเรือนนั้นโดยเฉลี่ยแล้วเพิ่มอาทิตย์ละ 10 เหรียญ โดยรวมเอาค่าน้ำมันและแก้สไปด้วยนอกจากนี้หากรัฐบาลวางแผนที่จะชดเชยค่าใช้จ่ายในแต่ละครัวเรือนนั้นรัฐบาลจะต้องจ่ายเป็นเงิน 336 ล้านเหรียญภายในปี 2015 เพิ่มขึ้นไปเป็น 557 ล้านเหรียญภายในปี 2020 แต่หากประชาชนออสเตรเลียนั้นยังคงต้องต่อสู้กับราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นต่อไป รัฐบาลจะต้องตกมาอยู่ภายใต้ความกดดันและอาจจะต้องจ่ายเงินให้กับทุกๆครัวเรือนในประเทศออสเตรเลีย
รัฐบาลอาจจะต้องจ่ายเป็นเงินทั้งหมด 1.7 ล้านเหรียญในการชดเชยค่าใช้จ่ายในส่วนดังกล่าวเป็นมูลค่า 1.7 พันล้านเหรียญภายในปี 2015 เพิ่มไปเป็น 1.9 เหรียญภายในปี 2025
ส่วน Emissions trading system นั้นได้กลายมาเป็นกลไกสำคัญของรัฐบาลออสเตรเลีย ในการลดระดับไอเสียปล่อยออกไปยังชั้นบรรยากาศ และภายใต้ระบบดังกล่าวนั้น องค์หรืออุตสาหกรรมใดๆที่ทำให้เกิดมลภาวะมากที่สุดนั้นจะต้องจ่ายเงินก่อนที่จะได้รับอนุญาตในการดำเนินธุรกิจของตนซึ่งได้กระตุ้นบริษัทนั้นๆมีความจำเป็นที่จะต้องมีการนำเทคโนโลยีที่สร้างมละภาวะน้อยที่สุดมาใช้แทน
ส่วนราคาพลังงานที่สูงขึ้นนั้นเป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้และจะส่งผลกระทบต่อครอบครัวที่มีรายได้ไม่ค่อยจะดีนัก นอกจากนี้จากผลการศึกษาของ CSIRO ยังได้กล่าวอีกว่าหากรัฐบาลสามารถที่จะช่วยเหลือครอบครัวที่มีฐานะยากจนเป็นจำนวนเงิน 185 ต่อครัวเรือนเหรียญต่อปีภายในปี 2015 นั้นก็สามารถที่จะช่วยแก้ปัญหาให้กับประชาชนในด้านราคาพลังงานได้อย่างแน่นอน
