จากการรายงานของตัวแทนของประธาน Australian and International Pilots Association กล่าวว่า กัปตันของสายการบิน Qantas เที่ยวบิน 747- 400 มีความจำเป็นที่จะต้องบอกกับผู้โดยสารว่าเครื่องบินกำลังทำการบินโดยปราศจากเรดาร์นำทาง หลังจากออกเดินทางจากสนามบินที่นคร Los Angeles ประเทศสหรัฐอเมริกาเพื่อเดินทางมายังนคร Sydney ประเทศออสเตรเลีย
เครื่องบินลำดังกล่าวนั้นมีความจำเป็นทีจะต้องอาศัยความช่วยเหลือจากเครื่องบินลำอื่นๆเกือบจะตลอดเส้นทางการบินทั้งหมดเมื่อวานซืนนี้เนื่องจากเรดาร์สภาพภูมิอากาศนั้นใช้การไม่ได้
เหตุการณ์ดังกล่าวนั้นเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถึงสองครั้งในระยะเวลา 24 ชั่วโมงเมื่อเครื่องบินของสายการบินเดียวกัน Qantas Flight 12 นั้นอยู่ห่างสนามบินไปเพียงสามชั่วโมง ระบบเรดาร์ของเครื่องทำงานผิดปรกติและอ่านข้อมูลไม่ถูกต้อง และทำให้กัปตันบินนั้นต้องทำการบินโดยปราศจากเรดาร์ดังกล่าวเพื่อช่วยให้เครื่องบินนั้นหลีกเลี่ยงสภาพอากาศที่ไม่ปรกติได้
และโชคดีที่เครื่องบินของสายการบิน Air New Zealand นั้นได้เดินทางออกจากสนามบิน Los Angeles ก่อนหน้านี้ที่เครื่องของสายการบิน Qantas นั้นไม่ถึง 1 ชั่วโมงและทำให้กัปตันบินของ Qantas นั้นสามารถบินตามหลังมาได้ติดๆ
กัปตันตัวแทนจาก Australian and International Pilots Association, Michael Glynn กล่าวว่า เวลาทำการบินในเวลากลางคืนนั้นจะต้องอาศัยเรดาร์ในการนำทางแต่โชคไม่ดีที่เครื่องเกิดทำงานไม่ปรกติ
Michael กล่าวต่อไปว่าสถานการณ์ดังกล่าวนั้นไม่ได้น่ากลัวหรือเป็นอันตรายแต่อย่างใดและระยะทางการบินตามกันโดยระยะห่าง 1-2 กิโลเมตรระหว่างเครื่องบินนั้นเป็นระยะที่ปลอดภัย และนักบินเพียงแต่ต้องคอยตามเครื่องบินของนิวซีแลนด์ติดๆเท่านั้ นอกจากนี้
Michael ยังกล่าวอีกต่อไปว่าเหตุการณ์ในลักษณะทำนองเดียวกันนี้เมื่อ 3 เดือนที่แล้วนั้นเมื่อทางสายการบิน Qantas นั้นต้องช่วยเครื่องบินลำอื่นด้วยการนำทางช่วยอีกด้วย เครื่อง Qantas Flight 12 นั้นได้นำเครื่องไปยังประเทศนิวซีแลนด์เพื่อนำระบบเรดาร์ไปซ่อม ก่อนที่จะพาผู้โดยสารกลับมายัง Sydney ออสเตรเลีย