ระบบคอมพิวเตอร์ใหญ่ๆในประเทศกว่า 30% ไม่ว่าจะเป็นธนาคาร รัฐบาล หรือระบบอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนต่างๆ ได้ถูก แฮกเกอร์พยายามเข้าไปในระบบอยู่ตลอดเวลาทุกเดือน และจำนวนระบบมากกว่าครึ่งได้ถูกพยายามแฮคเข้ามาเป็นจำนวนหลายๆครั้งในแต่ละวัน
ผู้เชี่ยวชาญทางระบบอินเตอร์เน็ตในประเทศออสเตรเลียได้ออกมาแสดงความเห็นว่าในระยะเวลาอีก 1 ปีข้างหน้าประเทศออสเตรเลียอาจจะต้องเผชิญกับการพยายามเข้ามาของผู้ไม่ประสงค์ดีในระบบคอมพิวเตอร์ของหน่วยงานหรือองค์กรที่สำคัญๆ
และที่ผ่านมาภายในระยะสองปีจำนวนของการพยายามบุกรุกเข้ามาในระบบคอมพิวเตอร์นั้นเพิ่มมากขึ้นถึง 53% และผู้เชี่ยวชาญเองก็คาดว่าในระยะเวลาอีก 5 ปีข้างหน้าระบบสาธารณูปโภคของประเทศอาจถูกแฮคเข้ามาอย่างต่อเนื่องเป็นความถี่มากขึ้น
#news#
บริษัทผลิตแผ่นโปรแกรม anti Virus, McAfee ได้จัดทำการวิจยนี้ขึ้นมาให้แก่ Center for Strategic and International Studies และมี Stewart Bakerg ผู้ซึ่เป็น ผู้ช่วยเลขาธิการนโยบายจากหน่วยงาน US Department of Homeland Security เป็นผู้นำในการวิจยในครั้งนี้ โดยได้ทำการสำรวจความเห็นผู้เชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์จำนวนทั้งหมด 600 คนจาก 14 ประเทศทั่วโลก
หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิคของ McAfee’s Asia Pacific, Michael Sentonas ออกมากล่าวว่า ส่วนการแฮ็คเข้าไปในแต่ละครั้งมีความสำเร็จหรือไม่ยังไม่ทราบแน่ชัด แต่เวปไซต์ที่ตกเป็นหมายแต่ละแห่งนั้นเป็นเวปไซต์ที่มีความสำคัญระดับชาติทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็นสถาบันการเงิน หน่วยงานของรัฐบาล ระบบคมนาคม เป็นต้น
Michael อธิบายต่อไปว่า ถึงแม้ว่าการตามหาตัวผู้ที่จะพยายามแฮคเข้าไปในระบบคอมพิวเตอร์ของคนอื่นจะทำได้ยาก แต่จากเป้าหมายฐานข้อมูลแสดงให้เห็นว่าผู้ไม่หวังดีได้พยายามที่จะก่อการร้าย ในระดับชาติขึ้น ส่วนในประเทศออสเตรเลียเอง การวิจัยได้พบว่าเป็นประเทศที่มีความพร้อมในการป้องกับเหตุการณ์ดังกล่าวมากที่สุดเป็นอันดับสองของโลก
