พรรคฝ่ายค้านของรัฐบาลออสเตรเลียออกมาแสดงความกังวลว่ามหาวิทยาลัยในออสเตรเลียนั้นอาจจะต้องประสบปัญหาการเงินทุนมากกว่า 50 ล้านเหรียญหลังจากที่รัฐบาลนั้นมีแผนจะหยุดจ่ายเงินให้กับนักเรียนชาวออสเตรเลียในการเข้าไปเรียนมหาวิทยาลัย
รัฐมนตรีวาการกระทรวงศึกษาธิการ Julia Gillard กล่าวว่า ดังที่รัฐบาลได้เสนอไปแล้วก่อนที่จะได้เข้ารับเลือกเข้ามาบริหารประเทศว่านายกรัฐมนตรี Kevin Rudd นั้นจะยกเลิกระบบจ่ายค่าเล่าเรียนให้กับนักศึกษาระดับปริญญาตรีในสถาบันการศึกษาของรัฐ
ส่วนทางพรรคฝ่ายค้านด้านการศึกษา Christopher Pyne ได้ออกมาแย้งว่าได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์นโยบายดังกล่าวของรัฐบาลว่าการกระทำดังกล่าวนั้นจะทำให้งบประมาณของมหาวิทยาลัยนั้นต้องประสบปัญหาอย่างหนัก
Christopher กล่าวต่อไปว่านโยบายดังกล่าวนี้นั้นจะทำให้ทางมหาวิทยาลัยขาดงบประมาณโดยรวมทั้งหมด 5 ล้านเหรียญภายในระยะเวลา 5 ปีเลยก็ว่าได้ในบางมหาวิทยาลัยหากเทียบกับรายได้ที่ได้รับมาจากนักศึกษาที่จ่ายค่าเล่าเรียนเปนจำนวนเต็มภายในระยะเวลาเดียวกัน
นอกจากนี้ Christopher ยังได้กล่าวต่อไปอีกว่านโยบายของรัฐบาลนั้นมีประสิทธิภาพได้ดีในทางทฤษฎีแต่ไม่ค่อยมีประสิทธิภาพเท่าไหร่ในความเป็นจริง และรัฐบาลเองนั้นก็ไม่ได้สนับสนุนการสร้างโอกาสให้กับนักศึกษามหาวิทยาลัยด้วยวิธีดังกล่าวแต่อย่างใด ในขณะที่เน้นไปที่การดึงดูดให้นักศึกษาต่างชาตินั้นเข้ามาศึกษาเพิ่มมากขึ้น
อย่างไรก็ตามรัฐมนตรี Julia ได้ออกมาแย้งว่าทางรัฐบาลได้มีแผนที่จะสนับสนุนเงินทุนให้กับมหาวิทยาลัยเป็นเงินจำนวน 9.67 ล้านเหรียญหลังรัฐบาลตัดงบประมาณสนับสนุนค่าเล่าเรียนให้กับนักศึกษาแล้ว ซึ่งงบประมาณการช่วยเหลือนั้นจะนำไปช่วยพัฒนาในรายวิชาต่างๆเช่น กฎหมาย พยาบาลและเภสัชศาสตร์ท้องถิ่น