หลังจากที่สภาพเศรษฐกิจโลกส่งผลกระทบต่อ Superannuation และทำให้รายได้หลังจากเกษียนนั้นลดน้อยลง ทำให้ผู้สูงอายุหลายต่อหลายคนนั้นต่อหันมาพึ่งเงินบำนาญแทน
อัตราของจำนวนเงินบำนาญจากรัฐบาลนั้นเพิ่มขึ้น 50% ปีที่แล้วในขณะเดียวกันที่ตลาดหุ้นในสหรัฐอเมริกานั้นได้ล่มลง
จากสถิติที่ นสพ Sydney Morning Herald ได้หามานั้นพบว่าจำนวนผู้ที่ขอเงินบำนาญนั้นมีมากเพิ่มขึ้นจาก 2000 รายในเดือนตุลาคมปีที่แล้วไปเป็น 3,000 คนในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา
ความกังวลในเรื่องรายได้นั้นมีมากขึ้นในกลุ่มเกษียณอายุและทำให้ต่างคนนั้นออกมาสมัครขอเงินบำนาญจากรัฐบาลมากขึ้น ในเดือนธันวาคมปีที่แล้วได้มีประชาชนกว่า 5,000 คนได้เข้าขอรับเงินบำนาญจากรัฐบาลเพิ่มขึ้นจากเดือนกันยายน 3,500 ราย แต่มีประชาชนหลายคนนั้นไม่มีคุณสมบัติเพียงพอในการขอเงินบำนาญ
เงินใน Superannuation ที่ลดลงและทรัพย์สมบัติอื่นๆได้ชะลอตัวลงจึงทำให้หลายๆคนนั้นต้องหันมาพึ่งเงินบำนาญของรัฐบาลแทนเนื่องจากรายได้ของตนเองนั้นลดลง นอกจากนี้ ตลาดอหังสาริมทรัพย์ในประเทศได้กระเตื้องตัวขึ้นจึงทำให้หลายๆคนนั้นมีสิทธิ์ของบำนาญได้เพียงแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น
ผู้บริหารจาก National Seniors Australia, Michael O’Neil กล่าวว่าสภาพการลุงทุนในปัจจุบันนั้นส่งผลกระทบต่อประชาชนรุ่น Baby Boomers เป็นอย่างมากหากเทียบกับคนรุ่นก่อนๆ เนื่องจากคนรุ่นนี้นั้นลงทุนธุรกิจที่อยู่อาศัยเป็นกันมากเพื่อเก็บเงินไว้ใช้ตอนเกษียณอายุแล้ว
นอกจากนี้ Michael ยังได้ออกมากล่าวอีกว่าการลงทุนในปัจจุบันนี้ได้ลดลงเป็นอย่างมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มประชาชนออสเตรเลียสูงอายุ หลายๆคนนั้นต้องหันมาพึ่งเงินบำนาญเป็นจำนวนเต็มแทน
ระหว่างเดือนมิถุนายนถึงเดือนธันวาคมปีที่แล้วนั้นจำนวนผู้เกษียณอายุนั้นเพิ่มมากขึ้นเกือบ 31,000 ราย แต่จำนวนของผู้ที่ขอเงินบำนาญเป็นจำนวนเต็มนั้นเพิ่มมากขึ้นเป็นจำนวนเร็วมาก ถึง 76,500 ราย
เงินบำนาญจำนวนเต็มจากรัฐบาลนั้นจะจ่ายให้กับผู้เกษียณอายุทุกๆสองอาทิตย์เป็นเงินจำนวน 562.10 เหรียญ สำหรับผู้เกษียณอายุที่อยู่เป็นโสดนั้นจะได้รับเงินช่วยเหลือ 138 เหรียญ ส่วนผู้คู่สมรสนั้นจะได้ 240 เหรียญ และสามารถรับเงินบำนาญเป็นจำนวนเต็มได้อีกต่างหาก ส่วนเงินบำนาญแบบไม่เต็มนั้นจะจ่ายให้กับผู้ที่มีรายได้ 1,558 เหรียญสำหรับคนโสดและสำหรับคู่สมรสนั้น 2,602 เหรียญ
