รัฐบาลของประเทศออสเตรเลียได้ออกมาวางแผนเพิ่มหลักสูตรภาษาเอเชียอย่างเงียบๆด้วยงบประมาณของรัฐกว่า 62
ล้านเหรียญ โดยหลักสูตรภาษาดังกล่าวนั้นเพื่อให้นักเรียนชั้นมัธยม Year 12 สามารถพูดภาษาจีน ญี่ปุ่น อินโดนีเชีย และภาษาเกาหลีภายในระยะเวลา 10 ปี
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ Julia Gillard ได้ออกมากล่าวว่าการที่จะให้นักเรียนมัธยมนั้นสามารถพูดภาษาของประเทศในภูมิภาคเอเชียได้นั้นเป็นเรื่องที่ทำได้ยากเนื่องจากหลักสูตรในปัจจุบันนั้นไม่ได้ไปในทิศทางที่ถูกต้อง
Julia กล่าวว่ารัฐบาลของนาย Kelvin Rudd นั้นเห็นความสำคัญของการเรียนภาษาต่างชาตินอกเหนือจากภาษาอังกฤษ เนื่องจากมีความสำคัญต่อความมั่นคงและการเจริญเติบโตของประเทศออสเตรเลียในอนาคต
ด้วยงบประมาณดังกล่าว ที่จะนำไปใช้ในอีก 2.5 ปีข้างหน้านั้นจะถูกนำไปพัฒนาหลักสูตรในโรงเรียนมัธยม การอบรมครูอาจารย์ เพื่อให้นักเรียนนั้นมีความสามารถในการใช้ภาษาได้เป็นอย่างดี
เงินสนับสนุนกว่ากว่า 44 ล้านเหรียญจะถูกแบ่งระหว่างรัฐและ Territory รวมไปถึงโรงเรียนที่ไม่ใช่ของรัฐอีกด้วย และอีกกว่า 10 ล้านเหรียญให้กับระดับอุคมศึกษาและธุรกิจ และอีก 6 ล้านเหรียญนั้นจะนำมาใช้กับหลักสูตรภาษาที่จะเข้ามาบริหารงานโดย Asia Education Foundation และอีกกว่า 62 ล้านเหรียญนั้นจะถูกนำมาใช้ในงานด้านธุรการ
ทางคณะกรรมการของ National Curriculum Board ได้รับคำสั่งจากรัฐบาลให้ดูแลโครงการภาษาต่างประเทศดังกล่าวและเพิ่มจำนวนครูสอนภาษาต่างประเทศ และหมั่นดูแลความก้าวหน้าของหลักสูตรอยู่ตลอดเวลาในโรงเรียนและคอยปรับปรุงหลักสูตรการสอนเพื่อให้นักเรียนนั้นมีความสามารถทางด้านภาษามากขึ้นนอกเหนือจากภาษาอังกฤษ
หากเทียบกับประเทศที่พัฒนาแล้วประเทศออสเตรเลียนั้น ระบบการศึกษาประเทศออสเตรเลียยังด้อยกว่าในเรื่องการศึกษาของภาษาต่างประเทศมากนัก
จากตัวเลขของ Department of Education แสดงให้เห็นว่านักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย Year 12 จำนวนน้อยกว่า 14% เรียนภาษาต่างประเทศและมีนักเรียนเพียงแค่ 5.8% เท่านั้นที่เรียนภาษาของภูมิภาคเอเชียส่วนในระดับมหาวิทยาลัยนั้นมีเพียงแค่ 3% เท่านั้น
และหากรัฐบาลนั้นจะบรรลุได้ตามเป้าหมายที่วางไว้นักเรียนที่จบชั้น Year 12 จำนวน 12% นั้นจะต้องพูดภาษาจีนแมนดาริน ญี่ปุ่น อินโดนีเชียและเกาหลีคล่องภายในปี 2020
