ผู้ใช้รถใช้ถนนต่างจอดรถไว้ที่บ้านกันเป็นจำนวนมากอย่างไม่น่าเชื่อ เนื่องจากจำนวนรถบนถนนที่ได้มีการถูกบันทึกไว้ในช่วงเวลาในปัจจุบันน้อยลงกว่า 12,000 คันหากเทียบกับเมื่อปีที่แล้ว
เนื่องจากค่าผ่านทางบวกกับราคาน้ำมันซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลารวมไปถึงสภาพเศรษฐกิจของประเทศทำให้ผู้ใช้รถใช้ถนนใน Sydney นั้นหันมาขับขี่รถกันน้อยลงอย่างมาก
สภาพการจราจรบนท้องถนนที่บางตาลงได้เริ่มขึ้นที่ในประเทศสหรัฐอเมริกาตั้งแต่ในปี 1980 เป็นต้นมา นสพ Daily Telegraph ได้ออกมาเปิดเผยว่าสภาพการจราจรบนถนนสายหลักต่างๆภายในประเทศนั้นได้บางตาลงมาเป็นอย่างมาก
จากข้อมูลสถิติของ RTA ในเดือนกุมภาพันธ์ 2009 นั้นพบว่าปริมาณรถยนต์บนท้องถนนลดลงมาจากในปี 2008 มากถึง 12,061 คันต่อหนึ่งชั่วโมง
บนสะพาน Sydney Harbour Bridge เองนั้นจำนวนผู้ที่ใช้รถยนต์บนสะพานเองนั้นก็ได้ลดลงเป็นอย่างมากถึง 7% โดยผุ้ที่ใช้อุโมงค์นั้นเพิ่มมากขึ้น 1.7% เท่านั้นซึ่งก็หมายความว่าจำนวนรถน้อยกว่า 10,000 คันได้เดินทางข้ามสะพาน Habour ทุกๆชั่วโมงหากเทียบกับระยะเวลาเดียวกันเมื่อปีที่แล้ว
ส่วนจำนวนรถยนต์ในเมือง Sydney เองนั้นลดลงไปอย่างมากจาก 633,497 คันต่อชั่วโมงไปเป็น 621,436 คัน รัฐมนตรีที่ดูแลพื้นที่บนถนน Michael Daley ออกมายืนยันว่าการที่จำนวนรถยนต์ที่ลดลงมาแสดงให้เห็นว่าประชาชนหันมาใช้รถสาธารณะกันมากขึ้น ในขณะที่ถนนบางเส้นอย่าง Princes Highway และ M4 มีจำนวนรถยนต์มากขึ้นเพียงเล็กน้อย