2025-07-07

น้องพลอย สโรชา คู่อรุณ




น้องพลอย “ สโรชา คู่อรุณ” ตอนนี้ อายุ 20 ปีที่บ้านทำธุรกิจโรงแรม ธาราป่าตอง จังหวัดภูเก็ต สดใส น่าเริงเหมือนเด็กๆทั่วไป แต่ว่าความคิดนั้นไม่ได้เด็กเลย และเป็นเด็กคนนึงที่ให้ความสำคัญกับการศึกษามากทีเดียว
การศึกษาใคร ๆ ก็บอกว่าเป็นสิ่งที่สำคัญระดับต้น ของการที่จะทำให้ชีวิต ประสบความสำเร็จ คนเป็นพ่อเป็นแม่เอง มีลมหายใจเท่าไหร่ หรือมีเงินทองมากน้องเพียงใด ก็เพียงอยากจะส่งลูกให้เรียนสูงสุดเท่าที่จะทำได้ ผู้ปกครองเป็นเหมือนผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของลูก แต่ในทางตรงกันข้าม ก็อาจจะไม่ได้เป็นเช่นดังหวัง

ข้อคิดจากเพื่อนใหม่วัยออส ของ “น้องพลอย สโรชา คู่อรุณ” หนึ่งในเด็กนักเรียนไทย ที่ต้องมาอยู่ต่างที่ต่างถิ่นตั้งแต่ อายุ 15 ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิต เพราะจะต้องปรับตัวกับสังคมและวัฒนธรรมใหม่ๆแล้ว ความโดดเดี่ยวก็เป็นปัญหาเหมือนกัน แต่ด้วยกความสดใส และความน่ารักของน้องพลอย อาจจะทำให้เด็กหลายๆคนได้ข้อคิดอะไรดีๆไปได้เหมือนกัน

น้องพลอยตอนนี้ อายุ 20 ปีที่บ้านทำธุรกิจโรงแรม ธาราป่าตอง จังหวัดภูเก็ต สดใส น่าเริงเหมือนเด็กๆทั่วไป แต่ว่าความคิดนั้นไม่ได้เด็กเลย และเป็นเด็กคนนึงที่ให้ความสำคัญกับการศึกษามากทีเดียว

หนูมาเรียนต่อที่ New Zealand ที่เมือง Wellington มาอยูตอนอายุ 15 มาเรียนตั้งแต่ ตั้งแต่ year 11 ถึง year 13 มาอยู่กับ family เลยค่ะ เข้มงวดยิ่งกว่าพ่อแม่หนูอีกค่ะ ไม่ตามใจหนูบางทีก็ดุหนูด้วย คือเมื่อก่อนหนูมาที่นี่ เรียกว่ามีแต่เอาแต่ใจ เหมือนเด็กๆ พ่อแม่ตามใจมากก่อน ไม่พอใจก็อยากจะย้ายไปอยู่กับครอบครัวอื่นๆ ทั้งๆที่เค้าเลี้ยงเราเหมือนลูกเลยนะ แล้วจะต้องเปลี่ยนครอบครัวปีล่ะ 1 ครั้ง รวม ๆ ก็อยู่มา 3 ครอบครัว

ครอบครัวแรกกับครอบครัวสุดท้ายน่ารักสุด แต่หนูแนะนำเลยนะเด็ก ๆ ที่มาเรียนต่อต่างประเทศเนี่ย อยู่กับ family ฝรั่งเนี่ยดีที่สุด เพราะถ้ามาอยู่ที่นี่คนเดียว เวลามีปัญหาไม่รู้จะไปปรึกษาใคร หรือเวลาที่ทำอะไรผิดหลาดไปก็ไม่รู้ว่าจะหันหน้าไปคุยกับใคร แต่อย่างน้อยก็ยังมีครอบครัวที่นี่ แต่เราก็ต้องเลือก family ให้ดี ๆ หน่อย อย่างขอหนูเนี่ยคุณพ่อเลือกให้ เพราะว่าคุณอาเคยมาอยู่ที่นี่แล้วแนะนำ คุณพ่อเลยไว้ใจ

“มาตอนแรกๆพี่ร้องไห้สิ ที่บ้านโทรมาซะมากกว่า บัตรโทรศัพท์ก็ไม่มี เลยตกลงว่าที่บ้านจะโทรมาหาอาทิตย์ล่ะ 1 ครั้ง”

“ภาษามาแรกๆ ไม่เคยเรียนมาก่อนเลย ไปเรียนที่โรงเรียนเลย เคยมีเรื่องตลกอยู่ว่า ตอนแรก ๆ อยากกิน hamburger มาก สั่งว่า Can I get double cheese burger เค้าเอา Cheese Burger มาให้ 2 อันซะงั้น สงสัยจริงๆแล้วจะต้องสั่งว่า Can I get one double cheese burger มั้ง เดี๋ยวนี้เลยไม่สั่งแล้วกินแต่ Happy Meals ดีกว่าแน่นอนกว่าเยอะ”

ที่บ้านเลือกให้เรามาที่ New Zealand เพราะว่าคุณพ่อรู้จักคนที่นี่ แลยไว้ใจ ทั้งๆที่หนูอยากมาเรียนที่ Australia แต่พอหนูได้มาเรียนที่ New Zealand นะเรียกว่าติดใจเลย คนไทยไม่เยอะ การศึกษา การเรียนการสอนก็ดี เป็นกฎเกณฑ์ หนูเลิกเรียนต้องกลับบ้านหลังจากโรเรียนเลิก 2 ชั่วโมง คนที่นี่จะให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัย สังเกตุได้ว่าคนที่นู่นเด็กๆกลับบ้านนอนเร็วมาก แต่เด็กบ้านเรายังเล่นเกมส์ก่อนนอนเลย คนที่นี่อะไรๆก็เป็นเวลา ทานเข้าเป็นเวลา จัดเตรียมไว้ให้เรา หรือบางทีเราต้องทำ sandwich ไปเอง ก็นี่เลยเป็นสาเหตุที่เราต้องพึ่งตัวเอง ถึงแม้ว่าที่บ้านก็ยังส่งเงินมาให้นะพี่ เราก็ยังจะต้องทำนู่นทำนี่เองอยู่ดี ซึงตอนนั้นหนูอายุ 15 เอง

 

 
สังคมเป็นตัวแปรทำให้เราอยากมาอยู่ที่นี่ เมื่อก่อนหนูเรียนอยู่ที่สตรีภูเก็ตนะ คือจริงๆแล้วหนูไม่ชอบเมืองไทยตรงที่ สังคมมีการแข่งขัน เห็นคนอื่นมีนู่นมีนี่ ก็อยากมีบ้าง มาอวดนู่นๆนี่ๆกัน แต่คนที่นี่ไม่มีชนชั้นนะพี่ เด็กไทยคิดไม่ค่อยโต ชอบแบ่งแย่งกันมากเกินไป พ่อแม่คนไทยมักจะตามใจเด็กๆ พาไปเรื่อยตามใจ แต่พ่อแม่ที่นี่เค้าจะให้เราหาเอง อยากได้อะไรก็หาวิธีที่พึ่งตัวเอง

ที่เมืองไทยตอนเรียนหนังสือแบบว่าไม่ได้คิดอะไรเลย แบบจำๆไป ไม่ค่อยได้คิด แต่มาเรียนที่นี่ปรับตัวยากเหมือนกัน แต่พอเราเรียนไปเรียนมาเหมือนเราคิดได้ อาจารย์ที่นี่จะไม่ได้สอนให้แค่คิดในโรงเรียน คือมันสอนให้เราคิดข้างนอก คิดนู่นคิดนี่ แล้วมันทำให้เราเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น แล้วมันจะทำให้เราพึ่งตัวเองได้มากขึ้น ไม่เหมือนที่เมืองไทย เด็กส่วนใหญ่อาจจะติดแม่ หรือไม่ก็ติดเพื่อนอะไรทำนองนี้ หรืออาจะพึ่งตัวเองไม่ได้ เราจะต้องคิดแบบผู้ใหญ่ ไม่ได้คิดแบบเด็กๆ มัวแต่จะขอตังค์พ่อแม่ แต่เราอยู่คนเดียวที่นี่ก็จะคิดถึงแต่วันข้างหน้า เค้าไม่ได้สอนให้เราจำอย่างเดียวแบบเมืองไทย แต่เค้าสอนให้เราคิดน่ะพี่ แล้วอีกอย่าง เรียนต้องเป็นเรียน เล่นค่อยเป็นเล่นไป

เคยมา Summer ที่ออสเตรเลียครั้งนึงแล้ว 1 เดือนครึ่ง มาที่ Port Lincoln ชอบมาก เพราะว่า บ้านเมืองเค้าจะเงียบๆไม่พลุกพล่านเหมือนเมืองไทย แต่ที่ชอบจริงๆเลยก็คือเรื่องของการศึกษาเค้า ทำให้อยากจะมาที่นี่ ซึ่งในตอนนั้นเองหนูว่าการศึกษาที่เมืองไทยไม่ค่อยดี ไม่ได้หมายความว่าอาจารย์ไม่ดีนะ แต่คิดว่า สังคมหนูตั้งแต่เด็กอาจจะไม่ค่อยให้หนูได้แสดงออก ซึ่งอาจารย์ที่นี่นะ มาถึงจะถามให้แสดงความคิดเห็นเลยนะ แต่อาจารย์บ้านเราอาจจะชอบพูดให้เด็กฟังมากกว่า แล้วอีกอย่างอาจารย์ที่นี่เค้าจะรับฟังความคิดเห็นของเด็กๆ เพื่อที่เค้าจะเอาไปปรับปรุงการเรียนการสอนของเค้าด้วย


การเดินทางของน้องพลอยเองก็ยังไม่จบ เพราะยังจะต้องมาเผชิญกับโลกใบใหญ่กว่าเดิมที่ Australia ดินแดนที่ถือว่ามีสีสันมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

เพราะว่าหนูอยากเปลี่ยนที่เรียน เมื่อก่อนเรียนที่ New Zealand ที่เดียว แต่หนูอยากลองดูไปหลายๆ ที่ ดูการเรียนการสอนเค้าเป็นยังไง ซึ่งหนูยังไม่ได้คิดเรื่อทำงานนะ ความคิดตอนนั้นนะ คือหนูจะต้องตั้งใจเรียนอย่างเดียว ซึ่งตอนแรกว่าจะมาเรียน marketing แต่พ่อรู้จักเพื่อนที่ทำโรงแรมด้วยกันที่ Blue Mountain เลยอยากให้เราเรียนทางด้านการโรงแรม เหมือนว่าจะส่งลูกสาวมาทำธุรกิจแทน เลยเป็นเหตุผมให้ย้ายมาเรียนต่อที่ Australia

“เรียนไปเรียนมา 1 ปี ก็ย้ายมาเรียนปริญญาตรีที่ ICMS Manly เรียน มา 3 ปี เป็นโรงเรียนการโรงแรมที่ดีที่สุดของที่นี่ ซึ่งเรียนยากมาก เด็กที่นี่หัวกะทิทั้งนั้น ทุกคนตั้งใจเรียนสุดๆ เด็กเอเชียที่นี่แบบว่าโตที่นี่ทั้งนั้น แต่คนที่นี่เป็นกันเองไม่แบ่งชนชาติ สอนทุกอย่างเกี่ยวกับการโรงแรม ทำให้เราสามารถเราไปทำงานได้ เค้าจะเน้นฝึกงานซะเยอะ ทำในครัว เสริฟ์ด้วย คนเรียนเยอะ เพราะจบมาหางานได้ง่าย”

Hospitality ได้ใช้ในชีวิตประจำวันนะ เค้าต้องการคนงานเยอะ แต่จะเน้นไปทางด้านแรงาน แต่ผู้บริหารก็ต้องเป็นพวก marketing แต่ว่ามันเป็นพี้นฐานของานบริการทุกอย่างเลยนะ แต่พอคนมันไปเรียนแล้วรู้สึกว่ามันไม่ได้อะไร เค้าก็เลยไม่เรียนกัน มันเลยทำให้ประเทศนี้ต้องการคนที่จบสาขานี้ไง คนส่วนใหญ่จะออกไปเรียนพวก marketing หรือ accounting มันจะได้วิชาชีพเฉพาะทางมากกว่านะหนูว่า เพราะมันก็ยังเอาไปบริหารงานด้าน hospitality ได้อีก วิชาเฉพาะทางมันน่าจะทำให้เราได้อะไรมากกว่านะ มากกว่าที่จะเป็นกรอบอยู่แค่นี้

New Zealand จะสนับสนุนเรื่องการเรียนสูงมาก ไม่ว่าเมืองไหนก็ตาม องค์การรัฐบาลทุกอย่างจะเอื้อหนุน นักเรียนทุกอย่าง ห้องสมุดฟรี ค่ารถเดินทางถูก แบบว่าใครๆก็ต้องพกบัตร นักเรียนเลย เพราะมันจะมีแต่ประโยชน์ แต่ Australia มันจะได้เรื่องการใช้ชีวิต มันมีอะไรมากกว่า ชีวิตมันจะค่อนข้างหลากหลาย แต่ว่ายังไงแล้วก็ต้องขึ้นอยู่กับเด็กแน่นอนว่าจะเดินไปทางไหน

“หนูอยากจะไปทำงานหลายๆ ประเทศ ได้ภาษาหลายๆภาษา เกาหลี จีน อะไรแบบเนี่ย เกาหลีเดี๋ยวนี้เค้าเริ่มเป็นนักท่องเที่ยวมากขึ้นนะ ที่บ้านหนูทำงานเกี่ยวกับการโรงแรมท่องเที่ยว มันก็ต้องเรียนไว้บ้าง และภาษาจีนก็คงจะต้องเอาไปใช้ในทางธุรกิจแน่นอน”

แต่สำหรับหนูแล้วนะทุกอย่างมันขึ้นอยู่ที่ผู้ปกครองว่าสอนลูกยังไง ถ้าสอนให้เป็นผู้ใหญ่นะ มาที่นี่ไม่มีปัญหาแน่นอน แต่ถ้าสอนแบบตามใจมานะ เด็กๆที่มาก็จะไม่ค่อยช่วยเหลือตัวเอง เด็กเองก็จะต้องคิดด้วยว่าเราจะเรียนอะไร เรียนแล้วจะได้อะไร แต่ที่สำคัญที่สุดคือผู้ปกครองค่ะ คือคนที่จะคอยช่วยเป็นเบื้องหลังสู่ความสำเร็จ

การใช้ชีวิตในต่างแดนมันไม่ได้ง่าย และสบายอย่างที่เราคิดเลย แต่สิ่งหนึ่งที่เราได้คือการที่เราได้รู้จักคิดและต้องพึ่งพาตนเอง เหมือนน้องพลอยเอง ที่ได้ฝากมุมมองและแง่คิด ที่ผู้ใหญ่หลายๆคนอาจจะหยุดคิดดูบ้าง ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อแหละ ว่าเด็กอายุ 20 ปีคนนี้อนาคตไกลแน่ๆ

NATUI Officially 2008-01-29 02:14:22 6166