
จำนวนผู้ติดเชื้อเอดส์ในประเทศออสเตรเลียในแต่ละปีนั้นเริ่มคงที่ๆ 1000 คนต่อปี สถิติลาสุดที่ได้นำมาเปิดเผยในงาน สุขภาพอนามัยทางเพศ พบว่าแพทย์ได้ตรวจพบผู้ป่วยติดเชื้อ HIV เพิ่ม 995 รายในปี 2008 ซึ่งเป็นจำนวนที่ลดลงจากปี 2007 ที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อ 1,051 คน
อย่างไรก็ตามศาสตราจารย์ David Wilson หัวหน้าโครงการ Surveillance and Evaluation Program for Public Health จากมหาวิทยาลัย University of New South Wales ออกมาเตือนว่าการเปลี่ยนแปลงของการเก็บข้อมูลทำให้ผลลัพธ์ที่ออกมาดูเหมือนว่าจำนวนผู้ที่ติดเชื้อนั้นมีน้อยลง และตนนั้นก็ไม่อยากจะปักใจว่าผู้ติดเชื้อนั้นมีน้อยลง และจำนวนผู้ป่วยเอดส์ในประเทศนั้นยังมีอยู่มาก
ในระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมามีผู้ตรวจพบเชื้อ HIV ประมาณ 1,000 คนซึ่งมากกว่าเมื่อ 10 ปีที่แล้วเป็นอย่างมาก
ในระยะเวลาที่ผ่านมาสิบปีมีผู้ติดเชื้อเอดส์เพิ่มขึ้นมา 38% จาก 718 มาเป็น 1999 ราย กลุ่มชายรักร่วมเพศเป็นเป็นกลุ่มที่พบว่าติดเชื้อเอดส์มากที่สุด โดยในปี 2008 มีผู้ติดเชื้อ 64% เป็นชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชายด้วยกัน ส่วนอีก 21% มาจากชายจริงหญิงแท้ในขณะที่กลุ่มที่เหลือนั้น ได้รับเชื้อมาจากเข็มฉีดยาของผู้ติดยาเสพย์ติดหรือไม่ก็ไม่สามารถหาสาเหตุได้
#news#
จากจำนวนผู้ที่ติดเชื้อล่าสุดทำให้ในประเทศออสเตรเลียในตอนนี้มีจำนวนผู้ป่วยทั้งหมด 28,330 คนตั้งแต่ที่ได้มีการทำการบันทึกมา โดยมีผู้เสียชีวิตแล้ว 6,765 คน เมื่อวันที่ 31 เดือนธันวาคมปีที่แล้วมีประชาชนชาวออสเตรเลียที่ติดเชื้ออยู่แล้วทั้งสิ้น 17,444 คน แต่ถึงอย่างไรก็ตามจำนวนผู้ที่มีเขื้อ HIV ขนาดรุนแรงกลับลดลง ซึ่งก็เป็นผลมาจากการรับประทานยา Retroviral
นายแพทย์ Jonathan Anderson ประธานของ Australian Society for HIV Medicince กล่าวว่า ผู้ป่วยที่ได้เชื้อ HIV มานั้นอาจจะยังไม่แสดงอาการ แต่หากเป็นเอดส์แล้วจะมีอาการติดโรคสารพัดออกมาให้เห็นเนื่องภูมิคุ้มกันบกพร่อง ในระยะเวลาหนึ่งหากไม่ได้รับการรักษาจากแพทย์
จำนวนผู้ป่วยที่ติดเชื้อเอดส์ และโรคติดต่อทางเพศอื่นๆได้ถูกบันทึกไว้ใน HIV/AIDS, viral hepatitis and sexually transmissible infections in Australia Annual Surveillance Report 2009 และมีการนำมาเปิดเผยในการประชุม Australian Sexual Health Conference 2009 ที่ Brisbane