ผู้ขับขี่ใช้รถใช้ถนนนั้นจะต้องจ่ายค่าขึ้นสะพานข้าม Sydney Habor ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปโดยคิดเป็นเงินมากถึง 240 เหรียญต่อปีเลยทีเดียว และในช่วงโมงเร่งด่วนนั้นค่าทางด่วนเพิ่มมากขึ้นถึง 4 เหรียญด้วยกัน
รัฐบาลออกมากล่าวว่าการขึ้นค่าผ่านทางในช่วงโมงเร่งด่วนอีก 1 เหรียญนั้นเพื่อเป็นการดึงดูดให้ประชาชนนั้นออกมาใช้ทางข้ามในช่วงเวลาอื่นๆนอกเหนือจากเวลาเร่งด่วนเพื่อเป็นการลดปัญหารถติดอีกด้วย อย่างไรก็ตาม
อย่างไรก็ตามผู้เชี่ยวชาญหลายๆคนออกมากล่าวว่านโยบายดังกล่าวนั้นจะไม่เป็นผลสำเร็จและผู้ขับขี่บนถนนเองนั้นจะหันไปใช้เส้น Victoria หรือยอมจ่ายค่าเงินเพิ่มขึ้น
ผู้ขับขี่ที่จะขึ้น Habor Bridge และอุโมงค์นั้นจะถูกเก็บค่าผ่านทางเป็นเงิน 4 เหรียญในชั่วโมงเร่งด่วน ตั้งแต่เวลา 6.30 am – 9.30 am และในตอนเย็นตั้งแต่เวลา 4 pm – 7 pm ส่วนในเวลาอื่นๆนั้นค่าผ่านทางจะเหลือเพียงแค่ 3 เหรียญเท่านั้น
ผู้ที่ใช้รถใช้ถนนต่างเลี่ยงการใช้สะพานตั้งแต่ด่านเก็บเงินนั้นถูกยกเลิกไปเมื่อสองอาทิตย์ที่แล้ว อย่างไรก็ตามอดีตผู้อำนวยการของ Roads and Traffic Authority, Ken Dobinson ได้ออกมากล่าวว่าการแห่กันไปใช้สะพาน Gladesville และถนน Victoria นั้นจะเกิดขึ้นเป็นการชั่วคราวเท่านั้น และสภาพการจราจรน่าจะกลับเข้าสู่สภาวะปรกติในไม่ช้านี้
การเก็บเงินในแต่ละช่วงเวลานั้นบนสะพาน Harbor Bridge จะอยู่ในความดูแลของ RTA ซึ่งมีการตั้งเวลาตรงกับนาฬิกาของ US Naval Observatory’s Master Clock ซึ่ง RTA เองนั้นได้ออมากล่าวว่าเป็นระบบที่มีความแม่นยำที่สุดอันหนึ่งในโลก
นอกจากนี้ทาง RTA ยังได้กล่าวอีกว่ารายได้จากการเก็บค่าผ่านทางกว่า 12 ล้านเหรียญในแต่ละปีนั้นจะนำไปใช้จัดหารถประจำทางเพิ่มอีกกว่า 300 คันเพื่อบริการให้กับประชาชน
อย่างไรก็ตามผู้บริหารของ Sydney Chamber of Commerce, Patricia Forsythe ออกมากล่าวว่าการเก็บค่าผ่านทางเพิ่มขึ้นมาอีก 1 เหรียญนั้นไม่ได้ส่งผลกระทบและช่วยแก้ปัญหาการจราจรแต่อย่างใดแต่เหมือนเป็นการหาเงินของรัฐบาลมากกว่า นอกจากประธานของ NRMA, Wendy Machin ยังได้ออกมากล่าวอีกว่ารัฐบาลนั้นไม่ได้มีการศึกษามาก่อนเพื่อพิสูจน์ว่าการเพิ่มเงินค่าทางด่วนนั้นจะช่วยลดสภาวะรถติดแต่อย่างใด