สำหรับหลายๆ คนที่คิดจะเดินทางมา ณ ประเทศออสเตรเลีย อาจสงสัยถึงเรื่องการใช้ชีวิตในออสเตรเลีย ที่พักแบบไหนจึงจะประหยัดเงินมากที่สุด อาหารจะถูกปากมั๊ย จะมีอาหารไทยให้กินมั๊ย หรือแม้แต่ไปถึงแล้วจะหาทางติดต่อทางบ้านได้อย่างไร เราจึงมาแนะนำให้ฟังกัน เริ่มจากเรื่องที่พักก่อนเลยว่าเป็นอย่างไรบ้าง เรามีที่พักหลายประเภทหลายแบบรวมทั้งข้อมูลเรทราคาของที่พักแต่ละประเภทมาให้ประกอบการตัดสินใจเลยหล่ะ..

การพักอาศัยกับครอบครัวชาวออสเตรเลีย (Homestay Family)
ที่พักอาศัยแบบ Homestay เหมาะสำหรับนักเรียนใหม่ที่ยังไม่รู้จักใครเลยที่ออสเตรเลีย เดินทางไปเรียนคนเดียวโดยไม่มีเพื่อนหรือญาติพี่น้อง ส่วนใหญ่เจ้าของบ้านที่ไปพักจะเป็นชาวออสเตรเลีย หรือชาวยุโรปที่ย้ายรกรากมาอยู่ในประเทศออสเตรเลีย ซึ่งนักเรียนจะได้ประโยชน์จาก Homestay ในเรื่องของภาษาอังกฤษที่ถูกต้องและวัฒนธรรมของชาวต่างชาติ บางบ้านจะพานักเรียนไปเที่ยวและไปสังสรรค์กับเพื่อนๆ ของเจ้าของบ้านด้วย ที่พักอาศัยแบบนี้จึงเป็นที่นิยมอย่างมากสำหรับนักเรียนใหม่ที่คิดจะไปเรียนต่อ โดยส่วนใหญ่แล้ว ค่าที่พักจะคิดเป็นสัปดาห์ อาจจะอยู่ในช่วงราคา 200-350 เหรียญออสเตรเลีย ซึ่งราคานี้ รวมค่าอาหาร2 มื้อสำหรับวันธรรมดา และอาหาร 3 มื้อสำหรับสุดสัปดาห์ การพักแบบ Homestay นี้ นักเรียนสามารถติดต่อกับทางสถาบันที่เรียนเพื่อให้ทางสถาบันติดต่อจัดหาให้ได้
การพักแบบ Farmstay
การพักแบบ Farmstay ก็เป็นลักษณะเดียวกันกับการพักอาศัยกับครอบครัวชาวออสเตรเลีย (Homestay Family) แต่ที่พักของครอบครัวแบบFarmstay นั้นตั้งอยู่ในเขตชนบท การพักอาศัยแบบนี้จะทำให้นักศึกษาได้เรียนรู้ วิถีการดำเนินชีวิตของชาวออสเตรเลีย ด้วยความรู้สึกแบบเป็นธรรมชาติ และมีความเป็นกันเอง ในบางครอบครัวอาจได้รับการปฏิบัติเสมือนเป็นสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัวด้วย ส่วนใหญ่การพักกับ Farmstay นั้นจะเป็นที่นิยมของนักเรียนที่ต้องการจะหารายได้พิเศษในวันปิดเทอม เพราะส่วนใหญ่ เจ้าของฟาร์มจะมีเงินพิเศษจ่ายให้กับนักเรียนที่ช่วยทำงานในฟาร์มอีกด้วย ค่าที่พักประเภทนี้ จะอยู่ที่ประมาณ 180 – 250 เหรียญออสเตรเลียต่อสัปดาห์
ที่พักประเภท University Apartments
นักศึกษาระดับสูงกว่าปริญญาตรีและนักศึกษาอื่นๆ นิยมการพักอาศัยแบบเป็นส่วนตัวประเภทนี้มาก เพราะจะมีอุปกรณ์เครื่องใช้ครบถ้วนและมีที่ตั้งอยู่ในบริเวณมหาวิทยาลัย เนื่องจากตั้งอยู่ในบริเวณของมหาวิทยาลัย ในบางที่จะมีกำหนดเวลาเข้า-ออกของที่พัก เพื่อเป็นการรักษาความปลอดภัย และเป็นกฏระเบียบ แต่ที่พักแบบนี้ ส่วนใหญ่จะมีราคาค่อนข้างสูง
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
ที่พักประเภท Self-managed on-campus Housing
เป็นหอพักที่ประกอบด้วยห้องเดี่ยว 6-20 ห้อง และมีห้องครัว ห้องน้ำ ห้องซักรีด และห้องนั่งเล่นซึ่งใช้ร่วมกัน แต่ได้รับการบำรุงดูแลรักษา และทำความสะอาดโดยเจ้าหน้าที่ของทางมหาวิทยาลัย โดยทั่วไปที่พักประเภทนี้ตั้งอยู่ตามมหาวิทยาลัยในเขตนอกเมืองใหญ่ เอกชน ซึ่งผู้เช่าจะต้องเช่าเป็นเทอม คือ ประมาณ 6 เดือน มีการสมัครและแจ้งความจำนงค์ล่วงหน้ากับมหาวิทยาลัย มีทั้งแบบห้องเดี่ยวและห้องที่มีรูมเมทแชร์กัน นักศึกษาจะมีความเป็นส่วนตัวมากกว่าและราคาถูกกว่าการพักที่ University Apartments
หอพักนอกสถานที่
ส่วนใหญ่แล้วหอพักประเภทนี้จะเป็นขององค์กรการกุศลต่างๆ เช่น YMCA ซึ่งจะเห็นได้ตามในเมืองใหญ่เกือบทุกเมือง กัน แต่สถานที่ตั้งของหอพักประเภทนี้อาจอยู่ไกลจากสถานที่เรียน อัตราค่าที่พักจะพอ ๆ กับในมหาวิทยาลัย และมีสิ่งอำนวยความสะดวกใกล้เคียงกัน แต่ด้วยการที่เป็นที่พักอาศัยราคาไม่แพง จึงมีนักเรียนต้องการที่พักแบบนี้เป็นจำนวนมาก ฉะนั้น นักเรียนที่ประสงค์จะเดินทางไปศึกษาที่มหาวิทยาลัยหรือสถานศึกษาใด จะต้องสอบถามเกี่ยวกับบริการดังกล่าวหรือขอให้มหาวิทยาลัยหรือสถานศึกษาที่สมัคร จัดหาที่พักให้ตั้งแต่เริ่มแรกสมัคร และก่อนออกเดินทางเข้าไปศึกษาจะต้องแน่ใจว่าได้ที่พักแล้วจึงออกเดินทาง มิฉะนั้นอาจไม่ได้รับความสะดวกในหลาย ๆ ประการ
ที่พักประเภทเช่าอาศัยอยู่ร่วมกัน Share and Rental Accommodation
ที่พักแบบนี้เป็นที่พักที่นักเรียนต่างชาติส่วนใหญ่นิยมกัน เพราะราคาที่หารกันออกมาแล้ว เป็นราคาที่ไม่แพง สามารถเลือกห้องแบบที่ชอบได้ การหาที่พักลักษณะนี้เป็นการติดต่อหาบ้านเช่าและอพาร์ทเม้นท์จากตัวแทนขายบ้านเช่า หรือ จากเจ้าของบ้านโดยตรง โดยส่วนใหญ่ จะเป็นนักเรียนที่รู้จักสนิทสนมกันดีแล้วหลายคน มาเลือกเช่าบ้านอยู่กันเองการอาศัยอยู่ในอพาร์ทเม้นท์เดียวกัน โดยหารค่าใช้จ่าย อาทิ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ เป็นรายสัปดาห์ 1 ยูนิตของอพาร์ทเม้นท์ อาจมีห้องแยกย่อยข้างในตั้งแต่ 2-5 ห้อง ซึ่งนักเรียนที่เช่าอาจอยู่ห้องส่วนตัวหรือแชร์ห้องกับนักเรียนต่างชาติคนอื่น โดยที่จะมีพื้นที่ห้องส่วนตัว แต่ใช้พื้นที่อื่นร่วมกัน แต่ต้องช่วยกันดูแลพื้นที่ส่วนรวม บ้านเช่าแบบนี้จะมีทั้งแบบมีเฟอร์นิเจอร์ให้หรือแบบไม่มีเฟอร์นิเจอร์ ราคาก็จะมีตั้งแต่ คนละ 100 ถึงคนละ 300 เหรียญต่อสัปดาห์เลยทีเดียว
แฟลต/บ้าน/ทาวเฮ้าส์
การเช่าบ้านแบบ Townhouse หรือ Flat เหมาะสำหรับนักเรียนที่วางแผนจะอยู่ออสเตรเลียนานกว่า 6 เดือนและย้ายที่อยู่ไม่บ่อย เพราะจะมีระยะเวลาเช่าอย่างต่ำประมาณ 6 เดือน มีทั้งขนาดเล็ก 3 ห้องนอน จนไปถึงขนาด 6-7 ห้องนอน มีทั้งแบบตกแต่งเรียบร้อยและยังไม่ตกแต่ง อัตราค่าเช่าจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับที่ตั้ง ขนาด และสิ่งอำนวยความสะดวกที่มีให้ มีตั้งแต่ 95 ดอลล่าร์ออสเตรเลีย ถึง 150 ดอลล่าร์ออสเตรเลียต่อสัปดาห์ ส่วนมากจะอยู่รอบๆเมือง โดยมากนักเรียนจะรวมกลุ่มกันไปเช่าบ้านที่ตัวแทนอสังหาริมทรัพย์ที่มีอยู่ทั่วไปในเมือง ซึ่งสามารถหาราคาและบริเวณที่ต้องการได้
อาหารหารกิน
การใช้ชีวิตในออสเตรเลีย ไม่ได้ลำบากลำบนอย่างที่หลายๆ คนกลัวกัน โดยเฉพาะเรื่องอาหาร บ้างก็กลัวว่า จะทานอาหารฝรั่งได้มั๊ย บ้างก็กลัวว่าอาหารจะแพงจนไม่สามารถซื้อไหว และอีกหลายความกังวล แต่เราจะบอกว่า การใช้ชีวิตในออสเตรเลียไม่ได้ยากอย่างที่คิด ที่นี่มีอาหารดีๆ ให้เลือกมากมายหลายหลายชนิด หลากหลายประเทศจากเกือบทั่วทุกมุมโลก เพราะประเทศออสเตรเลีย มีประชากรที่มาจากประเทศต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะจีน ญี่ปุ่น เกาหลี ยุโรป ตะวันออกกลาง อินเดีย โดยเฉพาะประเทศไทย ผู้ที่ย้ายมาตั้งรกรากที่ประเทศออสเตรเลีย ต่างก็จะพยายามเสาะหาวัตถุดิบมาปรุงเป็นอาหารที่ตนคุ้นเคยกันทั้งนั้น อีกทั้งประเทศนี้มีขนาดใหญ่ ภูมิอากาศจึงแตกต่างกันอย่างมากจากภาคเหนือจรดใต้ ซึ่งก็หมายความว่า ไม่ว่าจะเป็นฤดูกาลใด ออสเตรเลียก็มีอาหารหลากชนิดให้เลือกได้ตลอดทั้งปี รวมทั้งอาหารทะเลอันเลื่องชื่อด้วย ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลเลยว่า เราจะหาอาหารที่รสชาติถูกปากทานได้หรือไม่ เพราะเราจะสามารถหาอาหารหลายหลายชนิดได้ในทุกๆ ที่ของประเทศออสเตรเลีย หรือหากต้องการจะทำทานกันเอง ก็จะมีร้านขายของชำของแต่ละประเทศอยู่ทั่วไปตามในเมือง เช่น ร้านไทย ร้านจีน ร้านอินเดีย ร้านญี่ปุ่น ร้านเกาหลี แล้วแต่จะเลือกสรรกันเลย แถมยังเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายในแต่ละมื้ออาหารอีกด้วย ร้านค้า ร้านอาหารทั่วไปจะเปิดวันจันทร์-เสาร์ เวลา 9.00-17.30 น. และสำหรับบางร้านจะเปิดถึง 21.00 สำหรับวันพฤหัสบดีและวันศุกร์ ดังนั้นน้องๆ จะต้องจัดเตรียมแผนการซื้อหาสินค้า อาหารแห้ง หรือ เครื่องปรุงรสให้ดี เพราะว่าที่ออสเตรเลียเปิดปิดร้านเป็นเวลา สำหรับวันอาทิตย์ร้านค้า ร้านอาหารโดยมากจะปิด ยกเว้นแหล่งท่องเที่ยว หรือ ที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก รวมถึงห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ จะเปิดวันอาทิตย์ ระหว่างเวลา 10.00-16.00 น.
สาธารณสุข สาธารณูปโภค
สำหรับนักศึกษาที่พักอยู่ในหอพักของมหาวิทยาลัย หรือหอพักที่ทางสถาบันจัดไว้ให้ ข้อมูลเกี่ยวกับการขอติดตั้งระบบสาธารณูปโภคอันได้แก่ ไฟฟ้า ประปา และแก๊ส อาจจะไม่จำเป็นเท่าใดนัก แต่สำหรับผู้ที่พักอาศัยในอพาร์ทเมนท์ หรือบ้านเช่าของเอกชนแล้ว จำเป็นที่จะต้องทราบข้อมูลเหล่านี้ไว้ด้วยเนื่องจากนักศึกษาอาจจะต้องดำเนินการด้วยตนเอง
ไฟฟ้า

ใช้กระแสไฟฟ้า 240-250 V, AC 50 Hz เหมือนประเทศไทย แต่เป็นปลั๊กแบบ 3 ขา ถ้าจะนำเครื่องใช้ไฟฟ้าไปจากเมืองไทยต้องใช้หัวปลั๊กที่แปลงจากปลั๊ก 2 ขาของไทย เป็นปลั๊ก 3 ขา ของออสเตรเลีย เรียกว่า Plug Adapter ซึ่งหาซื้อได้ในประเทศไทยและออสเตรเลีย แต่ถ้าจะให้ดี ไปหาซื้อตามร้านขายของชำใน China Town ในราคาประมาณ 5 เหรียญ
ประปา
น้ำประปาสะอาดสามารถใช้สำหรับดื่มได้ ตามถนนหนทางก็จะมีเป็นก๊อกน้ำดื่มให้เราได้ดื่มกันทั่วทั้งเมือง
ระบบโทรศัพท์

โทรศัพท์สาธารณะที่สามารถโทรออกต่างประเทศนั้นสามารถหาใช้ได้ง่ายมาก ไม่ว่าจะเป็นที่ทำการไปรษณีย์, ห้างสรรพสินค้า, โรงเรียน, มหาวิทยาลัย,หรือตามท้องถนนต่างๆ โดยมีทั้งแบบหยอดเหรียญ บัตรโทรศัพท์ การหาซื้อบัตรโทรศัพท์นั้น ก็สามารถหาซื้อได้ตามร้านค้าทั่วไป 7eleven ร้านขายอุปกรณ์สื่อสาร และร้านค้าของคนจีนในย่าน China Town อัตราค่าโทรศัพท์ในพื้นที่เดียวกันจะเริ่มต้นที่ 40 เซ็นต์ ส่วนอัตราค่าโทรศัพท์ทางไกลไปต่างประเทศนั้นจะมีหลายราคา ตั้งแต่ 80 เซ็นต์ ต่อนาทีจนถึงประมาณ AUD$ 2.5 ต่อนาที ซึ่งอัตราค่าโทรศัพท์ทางไกลเหล่านี้ จะขึ้นอยู่กับประเทศที่ต้องการ ติดต่อด้วย
แต่เราจะมีวิธีประหยัดค่าโทรศัพท์ระหว่างประเทศได้โดยการซื้อบัตรโทรศัพท์ Pre-Paid International Phone Card ซึ่งในบัตรจะมีจำนวนเงินให้ใช้ตามแต่เราจะซื้อ มีตั้งแต่ 5 เหรียญ ไปจนถึง 50 หรือ 100 เหรียญเลยทีเดียว และเรทค่าโทรของบัตรแต่ละใบก็จะไม่เท่ากัน อันไหนถูกกว่า ต้องลองศึกษากันดู ส่วนเรื่องของโทรศัพท์มือถือนั้น เราสามารถพกเครื่องเปล่าจากประเทศไทยไปใช้กับซิมการ์ดของออสเตรเลียได้ โดยที่ออสเตรเลีย จะมีบริษัทที่ให้บริการระบบโทรศัพท์มือถือที่ใช้กันอย่างกว้างขวางอยู่ 3 บริษัท คือ Optus Three และTelstar
ที่ทำการไปรษณีย์

ที่ทำการไปรษณีย์ในออสเตรเลีย เปิดทำการในวันจันทร์ถึงวันศุกร์ตั้งแต่เวลา 9.00 - 17.00น. โดยการส่งจดหมายในเมืองเดียวกัน จะใช้เวลาในการส่งเพียง 1 วันเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีบริการอื่นๆ อีกเช่น ดวงตราไปรษณียากร กล่องไปรษณีย์ รับชำระค่าไฟฟ้า และค่าโทรศัพท์ เป็นต้น ส่วนการส่งข้ามประเทศนั้นอาจจะมีราคาค่อนข้างสูง แต่ก็ไม่ถึงกับแพงมาก และจะใช้เวลาในการส่งประมาณ 7-10 วัน