ใครก็ตามที่คิดจะย้ายเข้ามาอยู่กับคู่ของตนนั้นควรจะคิดให้ดีก่อนที่กระทำการใดๆ โดยเฉพาะพันธะทางการเงินเนื่องจากรัฐสภาของออสเตรเลียเตรียมใช้กฎหมายของคู่ครองแต่งงานเช่นเดียวกันกับความสัมพันธ์แบบ de facto
ผู้เชี่ยวชาญหลายคนเชื่อว่าคู่รักหนุ่มสาวหรือที่มีอายุขึ้นมาหน่อยนั้นควรทราบไว้ก่อนว่าชีวิตของพวกตนนั้นอาจจะตกมาอยู่ในวังวนของปัญหาทางการเงินในภายหลังได้หากใช้เวลาอยู่ด้วยกันมาสองปีก่อนที่จะแยกทางกัน
การเปลี่ยนแปลงทางกฎหมายของ Family law นั้นจะตั้งบทบัญญัติของการจัดการแบ่งปันเรื่องทรัพย์สมบัติให้กับคู่รัก ไม่ว่าจะเป็นเพศเดียวกันหรือต่างเพศและให้อำนาจแก่ศาลครอบครัว (Family Court) เป็นผู้ตัดสินใจ
ในปัจจุบันนี้คู่ครอง de facto นั้นหากต้องการขอกรรมสิทธิ์ในการดุแลบุตรนั้นจะมีการตัดสินในศาลครอบครัว ส่วนการแบ่งทรัพย์สินนั้นจะมีการตกลงกันที่ ศาลเขต (District Court) ภายใต้กฎหมายที่มีความแตกต่างจากคู่สมรสเป็นอย่างมาก ทนายความด้านกฎหมายครอบครัวหลายต่อหลายคนนั้นเชื่อว่าบัญญัติใหม่นั้นจะช่วยในการแก้ไขปัญหาและก่อให้เกิดความเป็นธรรมอย่างมากที่สุดแก่คู่กรณีในการตกลงการแบ่งทรัพย์สินโดยเฉพาะสตรีที่อยู่ร่วมกับคู่ครองแบบ de facto มาเป็นเวลานานและมีบุตรต้องดูแลอีกด้วย
แต่หลายคนออกมาแย้งว่าในกรณีดังกล่าวนั้นอยู่เหนือกฎหมายปัจจุบันของรัฐ New South Wales ซึ่งหลายคนเชื่อว่าให้ความเป็นธรรมแก่คู่ครองในสมรสและแบบ de facto และกฎหมายของประเทศออสเตรเลียนั้นบังคับให้มีการดำเนินเรื่องในข้อตกลงด้านการเงินต่อไปอีกในขณะที่คู่ de facto บางคู่นั้นไม่มีความประสงค์
ศาสตราจารย์ Patrick Parkinson กล่าวว่าการใช้กฎหมายของคู่สมรสกับคู่ครองทุกรูปแบบนั้นดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้อย่างยิ่งไม่ว่าจะมีคนชอบหรือไม่ก็ตาม
ภายใต้การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวนี้ ศาลจะพิจารณาความสัมพันธ์ของคู่ de facto ในด้านต่างๆไม่ว่าจะเป็น สถานภาพการเงินของแต่ละฝ่าย อายุ สุขภาพและหน้าที่ความรับผิดชอบต่อการดูแลบุตรในวัยเรียน และหากกฎหมายแตกต่างกันระหว่างคู่สมรสและคู่ de facto นั้นจะทำให้เกิดความวุ่นวายอย่างยิ่ง
ตัวอย่างเช่น หากสตรีในวัย 50 ปีนั้นไม่ได้ทำงานมาเป็นเวลา 20 ปีและได้เลี้ยงดูบุตรมาคนเดียวตลอดโดยสามีจากความสัมพันธ์ de facto ได้ละทิ้งไปและสามีนั้นมีรายได้กว่าครึ่งล้านเหรียญต่อปี โดยปรกติแล้วศาลจะพิจารณาโดยดูจากจำนวนเงินที่สตรีผู้นี้นั้นได้สนับสนุนในความสัมพันธ์ของตนและสามีตลอด 20 ปีที่ผ่านมามากกว่าที่จะดูถึงความจำเป็นทางด้านการเงินของสตรีผู้นี้ในอนาคตในเรื่องของการแบ่งทรัพย์สิน ซึ่งการตัดสินในรูปกรณีดังกล่าวนั้นจะไม่มีในคู่สมรสทั่วไป
อย่างไรก็ตาม Patrick เชื่อว่าการพิจารณาความจำเป็นทางการเงินในอนาคตนั้นอาจส่งผลกระทบแก่คู่ de facto ได้โดยเฉพาะคู่หนุ่มสาวที่ยังไม่มีบุตร เช่น ในกรณีที่หญิงสาวได้รับทรัพย์สินสมบัติเป็นจำนวนมาก หรือได้รับเงินเป็นจำนวนมากกว่าฝ่ายชาย หลังแยกทางกัน ฝ่ายหญิงนั้นอาจคิดในเวลาต่อมาว่าฝ่ายชายนั้นน่าจะได้ทรัพย์สมบัติไปมากกว่านี้ และในบางกรณีฝ่ายหญิงนั้นจะต้องจ่ายค่าดูแลรักษาทรัพย์สมบัติภายใต้การเปลี่ยนแปลงใหม่และต้องจ่ายเงินดูแลฝ่ายชายหากฝ่ายชายนั้นไม่สามารถทำงานได้
การแบ่งทรัพย์สมบัติระหว่างคู่ de facto นั้นจะเป็นไปในกรณีเดียวกันกับคู่สมรส โดยทรัพย์สินจะถูกแบ่งตามประวัติการใช้เงินและความจำเป็นในอนาคตของแต่ละฝ่าย รวมไปถึงการแบ่ง superannuation อีกด้วย